ตลาดรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมายอดขายลดลง จากปัจจัยลบรอบด้าน พร้อมสำทับด้วยไวรัสโควิด-19 ยิ่งส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนที่กำลังจะซื้อรถ ตัดสินใจชะลอแผนออกไปก่อน
ท่ามกลางภาวะวิกฤติยังมีธุรกิจที่พยายามหาโอกาส โดยเฉพาะกลุ่ม “ฟาสต์ฟิต” หรือศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งนี้เพราะลูกค้าที่ไม่ซื้อรถใหม่ ยังต้องนำรถเข้าบริการ เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานออกไป
“ฐานยานยนต์” สำรวจแผนของผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจนี้ พบว่า ยังเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม พร้อมเพิ่มสาขาในการให้บริการ และงัดแคมเปญออกมาสู้กันอย่างดุเดือด
“บี-ควิก” เบอร์หนึ่งของตลาด ประกาศลงทุนในไทยอีก 300 ล้านบาท ไม่นับรวมสาขาบางแห่งที่ต้องรีโนเวตใช้เงินประมาณ 3 ล้านบาทต่อสาขา หรืออีก 60-70 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าปีนี้รายรับจะเติบโตประมาณ 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่ทำได้ 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเตรียมลงทุนในอินโดนีเซีย 400 ล้านบาท เพื่อขยายสาขา แบรนด์ วัน สเตชัน บาย บี-ควิก และกัมพูชาอีก 60 ล้านบาท
“ตามแผนงานที่ได้วางไว้ในปีนี้ บี-ควิก จะขยายสาขาในประเทศอีก 12-15 แห่ง จากที่เซ็นสัญญาไปแล้ว 20 แห่ง ซึ่งจะทำให้ปี 2563 เรามีจำนวนสาขากว่า 180 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ได้นำแบรนด์ วัน สเตชัน บาย บี-ควิก เข้าไปเจาะในประเทศอินโดนีเซีย ที่ปัจจุบันมี 7 สาขา และจะเพิ่มเป็น 12 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ส่วนกัมพูชา ที่ใช้ชื่อ บี-ควิก ปัจจุบันมี 2 สาขา แต่เตรียมเปิดเพิ่มอีก 2-3 สาขา” นางสาวบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุลผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ ศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”
ขณะเดียวกัน บี-ควิก ยังวางแผนปั้น SECOND BRAND เพื่อลุยตลาดในประเทศไทย คาดว่าจะได้เห็นไม่เกินปี 2564 ส่วนชื่อแบรนด์ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินงานภายใต้ชื่ออะไร
ด้านคู่แข่ง “ค็อกพิท” เตรียมปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่ เพื่อเปิดศึกชิงการเป็นเบอร์ 1 จาก บี-ควิก โดยกลยุทธ์หลักคือ ปรับเปลี่ยนศูนย์บริการแอค (A.C.T) ที่มีกว่า 60 แห่ง ให้มาเป็นสาขาของค็อกพิททั้งหมด ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้ ค็อกพิทจะมีจำนวนสาขาที่ให้บริการมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ยังประกาศเป้าหมายเพิ่มสาขาใหม่อีก 20 แห่ง
“ลูกค้าจดจำแบรนด์ค็อกพิทมากกว่า แอค (A.C.T) ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจนี้ เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นชื่อค็อกพิททั้งหมด และยังพิจารณาแบรนด์ในเครืออย่างออโต้บอย ที่มี 50 แห่งทั่วประเทศ ว่าจะปรับมาใช้โมเดลเดียวกันหรือไม่ซึ่งจากแนวรุกในปีนี้ จะส่งให้เราเป็นฟาสต์ฟิตที่มีจำนวนสาขามากที่สุด” นายธนวัฒน์ กิตติรัตนาภรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
“กลยุทธ์การตลาดน่าจะมีเรื่องของราคา และโปรโมชันต่างๆ รวมถึงความหลากหลายของตัวสินค้า โดยเราตั้งเป้าหมายไม่เกิน 3 ปีจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจฟาสต์ฟิต” นายธนวัฒน์ กล่าว
สำหรับแคมเปญที่ค็อกพิทใช้ปัจจุบันมีทั้ง ซื้อยาง 3 เส้นฟรี 1 เส้น, นํ้ามันเครื่องราคา 666 บาท แถมฟรีอีก 3 รายการได้แก่ นํ้ามันเครื่อง ไส้กรอง เสื้อยืด และยังมีบริการฆ่าเชื้อภายในห้องโดยสาร ราคาเริ่มต้น 200 บาท
อีกหนึ่งความพิเศษ หากลูกค้านำรถเข้ารับบริการในค็อกพิท และเอ.ซี.ที.จะได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่เกิดจากความร่วมมือของยางไฟร์สโตน กับนิสชิน ฟูดส์ โดยออกโปรดักต์พิเศษ “ไฟร์สโตน คัพนูดเดิล ลิมิเต็ด อิดิชัน” ที่ผลิตขึ้นมาเพียง 3 แสนถ้วย (ไม่ได้มีวางขายทั่วไป)
ด้านฟาสต์ฟิตเจ้าอื่นๆ ในตลาด แม้ไม่ได้ประกาศแผนเสียงดังแต่ยังรับกับสถานการณ์โควิด-19 ด้วยโปรโมชันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าย “ฟิต ออโต้”ให้สิทธิคุ้มครองอุบัติเหตุ 50 วันและโควิด 30 วันสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ พร้อมรับแต้มสะสม PTT Blue Card 5 เท่า และหากจ่ายด้วยบัตรเครดิตแบบรูดเต็มหรือเงินสด รับส่วนลดเพิ่มอีก 3% พร้อมผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
“ออโต้ 1” ในเครือเซ็นทรัล จัดแคมเปญ ยางเก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ผ่อน 0% นาน 10 เดือน หรือยางรถยนต์
ปี 2018 ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมกันนั้นยังมีบริการ “ฆ่าเชื้อไวรัสในรถยนต์ ด้วยการอบโอโซน ฟรี” 25 คันต่อวันต่อสาขา
หน้า16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,564 วันที่ 9 - 11 เมษายน พ.ศ. 2563