“สลากดิจิทัล” เปิดคุณสมบัติผู้มีสิทธิขาย รับสมัครถึง 10 พ.ค.นี้

04 พ.ค. 2565 | 04:08 น.

สำนักงานสลากฯ เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่าย "สลากดิจิทัล" ถึง 10 พ.ค.นี้ เพื่อจำหน่ายสลากบนแอปฯ เป๋าตัง เริ่มตั้งแต่ 2 มิ.ย. 65 เป็นต้น ล่าสุดเปิดรับสมัครวันแรกมีผู้สมัครแล้ว 2,920 ราย

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือ “สลากดิจิทัล” ไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 65  เป็นวันแรก พบว่ามีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ เป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล จำนวน 2,920 ราย

 

โดยสำนักงานสลากฯ จะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 หากถึงกำหนดในการเปิดรับสมัครเบื้องต้นแล้วยังได้จำนวนตัวแทนสลากดิจิทัลไม่ครบตามที่กำหนดไว้ สำนักงานฯ จะพิจารณาเปิดรับสมัครเพิ่มจากกลุ่มผู้สมัครลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้า ปี 2565 ต่อไป

สำหรับ คุณสมบัติของผู้สมัคร ดังนี้

-เป็นตัวแทนจำหน่ายรายย่อยทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค หรือ เป็นผู้ซื้อจองล่วงหน้าที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว ที่อยู่ในฐานข้อมูลตั้งแต่ปี 58

-สมัครผ่านทางเว็บไซต์ www.glo.or.th คลิ๊ก

-เมื่อสำนักงานฯ พิจารณาคุณสมบัติแล้ว จะดำเนินการจัดทำสัญญาตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล อายุสัญญา 1 ปี 

-ได้รับโควตาสลาก 5 เล่ม (สัญญานี้สัญญาเดียวเท่านั้น)  

-สลากทั้ง 5 เล่มที่ได้รับโควตา จะนำเข้าสู่ระบบจําหน่ายสลากผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ทั้งหมด โดยผู้ค้าไม่เสียค่าใช้จ่ายในการฝากขาย

-เริ่มเปิดขายบนแอปฯ “เป๋าตัง” ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป (งวดวันที่ 16 มิ.ย.65)  

พันโท หนุน ศันสนาคม กล่าวในตอนท้ายว่า โครงการจำหน่ายสลากฯ ผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากดิจิทัลนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการที่สำนักงานสลากฯ มุ่งหมายจะใช้ในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ประกอบกับมาตรการอื่นๆ

 

ไม่ว่าจะเป็น โครงการสลาก 80 ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว 209 จุด ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคกลาง คาดว่าจะครบทุกภูมิภาคในเดือนกรกฎาคม 2565

 

ส่วนโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่มีผู้สมัครเข้ามาทั้งรายเก่าและรายใหม่จำนวนกว่า 1 ล้านราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยืนยันการเป็นผู้ขายจริง ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง

 

สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม  คาดว่าจะลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นได้กลางปีนี้