ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,921.88 จุด เพิ่มขึ้น 103.61 จุด หรือ +0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,582.64 จุด เพิ่มขึ้น 36.78 จุด หรือ +0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,532.55 จุด เพิ่มขึ้น 271.05 จุด หรือ +1.90%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.91% นำโดยหุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 27.13% หลังข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลา ได้ถือครองหุ้นในทวิตเตอร์จำนวน 73,486,938 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ส่งผลให้นายมัสก์กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของทวิตเตอร์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกบริษัท
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 5.61% หลังเทสลารายงานว่า ยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 1/2565 โดยอยู่ที่ 310,048 คัน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 308,836 คัน
ส่วนหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 4.02% หุ้นแอมะซอน ปรับตัวขึ้น 2.93% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.83% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 2.01%
ดัชนีหุ้นเติบโต (Growth Index) ดีดตัวขึ้น 1.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นคุณค่า (Value Index) ขยับลง 0.1%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 6.62% หุ้น JD.com ทะยานขึ้น 7.69%
ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กองทัพรัสเซียได้สังหารโหดพลเรือนยูเครนในเมืองบูชา (Bucha) ใกล้กับกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนนั้น ได้ทำให้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความยากลำบากมากขึ้น
ทางด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงคราม หลังมีการพบผู้เสียชีวิตจำนวนมากในยูเครน และยังกล่าวด้วยว่าสหรัฐเตรียมคว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ และการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในภาคบริการ