วันนี้ (5 มีนาคม 2565) นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร ได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 2) สำหรับไม้ ไม้แปรรูป และของทำด้วยไม้ ตามประเภท 5 ภาค 3 พิกัดอัตราอากรขาออก
เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ เพิ่มพื้นที่สีเขียว สนับสนุนการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ในการปรับปรุงอัตราอากรขาออกไม้ท่อนและไม้แปรรูป ซึ่งเดิมไม้ส่งออกมีอัตราอากรร้อยละ 5 ถึงร้อยละ 40
ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้ไม้ส่งออกทุกชนิดรวมถึงไม้ชิ้นที่ได้จากไม้กฤษณาไม่ต้องเสียอากร ยกเว้นไม้ท่อนที่จากเดิมมีอัตราอากรร้อยละ 40 ลดลงเหลือร้อยละ 10 เพื่อเป็นการคุ้มครองอุตสาหกรรมโรงเลื่อยภายในประเทศ
เว้นแต่ไม้ท่อนซึ่งเป็นไม้ยูคาลิปตัส ไม้สนประดิพัทธ์ ไม้ไผ่ตง ไม้ไผ่เลี้ยง ไม้ไผ่สีสุก ไม้มะม่วงหิมพานต์ ไม้กระถินณรงค์ ไม้กระถินยักษ์ ไม้สนทะเล ไม้สะเดาช้าง ไม้สนคาริเบีย ไม้สนโอคาป้า ไม้ที่ได้จากต้นยางตระกูลฮีเวีย ไม้รวก และไม้มะพร้าว ไม่ต้องเสียอากร สำหรับสิ่งของที่ทำด้วยไม้ซึ่งได้รับการยกเว้นอากรอยู่แล้ว ให้ได้รับการยกเว้นต่อไป โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประกาศกระทรวงการคลังฉบับนี้ เป็นการให้ลดและยกเว้นอัตราอากรขาออกสำหรับไม้ และไม้แปรรูปเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรการการควบคุมการส่งออกไม้หวงห้าม หรือตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ดังนั้นไม้บางชนิดที่ต้องมีการขออนุญาตในการส่งออกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ยังคงต้องมีการขออนุญาตในการส่งออกเช่นเดิม