จับ ชาวปากีฯ ซุกเฮโรอีน-เคตามีน กว่า 30 กก. ในถุงชา ลอบเข้าไทย

30 พ.ย. 2564 | 08:34 น.

ศุลกากร เผย จับกุมผู้โดยสารชายชาวปากีสถาน 2 คน ลักลอบนำเข้าเฮโรอีน – เคตามีน บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชาผงสำเร็จรูป น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มกว่า 30 กก. มูลค่ารวมกว่า 95 ล้านบาท ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งพบมีปลายทางที่ประเทศไทย

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดให้โทษ โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 กรมศุลกากรใช้ข้อมูลทางการข่าวและข้อมูลความเสี่ยง เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย ได้ทำการตรวจค้นผู้โดยสารชายชาวปากีสถาน 2 ราย ขณะผ่านเข้าช่องตรวจผู้โดยสารไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (ช่องเขียว) บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติจินนาห์ เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์

จับ ชาวปากีฯ ซุกเฮโรอีน-เคตามีน กว่า 30 กก. ในถุงชา ลอบเข้าไทย

ผลการตรวจค้นพบ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 1.1 กิโลกรัม และวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 30.6 กิโลกรัม  บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชาผงสำเร็จรูป ของกลางดังกล่าวเก็บในกระเป๋าสัมภาระปะปนกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นชาผงสำเร็จรูปปกติ เพื่ออำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบ รวมมูลค่า 95,100,000 บาท

 

 

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่าได้รับว่าจ้างจากชายชาวปากีสถาน อาศัยอยู่ประเทศปากีสถาน ให้ตนและเพื่อนลักลอบนำยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) และวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) เข้าประเทศไทย ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559

จับ ชาวปากีฯ ซุกเฮโรอีน-เคตามีน กว่า 30 กก. ในถุงชา ลอบเข้าไทย จับ ชาวปากีฯ ซุกเฮโรอีน-เคตามีน กว่า 30 กก. ในถุงชา ลอบเข้าไทย จับ ชาวปากีฯ ซุกเฮโรอีน-เคตามีน กว่า 30 กก. ในถุงชา ลอบเข้าไทย

ขณะที่ สถิติผลงานการจับกุมยาเสพติดของกรมศุลกากร ในปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 2563 ถึงกันยายน 2564) มีจำนวน 188 ราย มูลค่า 7,566,322,562 บาท ปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 ถึง ปัจจุบัน) จำนวน 14 ราย มูลค่า 1,075,515,840 บาท