ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,294.76 จุด เพิ่มขึ้น 382.20 จุด หรือ +1.09%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,471.37 จุด เพิ่มขึ้น 33.11 จุด หรือ +0.75% และดัชนี Nasdaq 14,897.34 จุด เพิ่มขึ้น 73.91 จุด หรือ +0.50%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย., ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.8% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.2%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มการเงินซึ่งเพิ่มขึ้น 1.76% และ 1.51% ตามลำดับ ส่วนหุ้นลบนำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคที่ลดลง 0.23%
ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดีเกินคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค.
โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจ
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 14.93 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 10.18 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์มีรายได้ 1.361 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.168 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.8%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น 2.1% หลังธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาและธนาคารอื่นๆ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐได้ประเดิมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนจะยังคงจับตาผลกระทบจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน และต้นทุนที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคาพลังงาน
หุ้นที่เกี่ยวกับเงินคริปโตและบล็อกเชนปรับตัวขึ้น หลังบิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 60,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.