ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กระแสการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Asset ถูกพูดถึงในกลุ่มนักลงทุนอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่นักลงทุนยังมีความเข้าใจอยู่ว่า สินทรัพย์ดิจิทัลก็คือ เงินตราดิจิทัล หรือ Cryptocurrency (คริปโตเคอร์เรนซี)ความจริงแล้ว Digital Asset คือ สินทรัพย์ที่มีรูปแบบเป็นดิจิทัล โดยสินทรัพย์ดิจิทัลอาจจะแทนทรัพย์ที่จับต้องได้ในโลกความจริง เช่น บ้าน ที่ดิน หุ้น หรืออาจจะจับต้องไม่ได้แต่มีมูลค่าในโลกดิจิทัล เช่น ไอเทมในเกมก็ได้
Digital Asset จะทำให้เกิดการเปลี่ยน Landscape ของการแข่งขันในโลกการลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง
Digital Asset ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น ทั้งนักลงทุนผู้นำสินทรัพย์มาขายรวมถึงคนซื้อสินทรัพย์ ดังนั้นนักลงทุนจะได้ประโยชน์อย่างแรกคือ ความเร็วจากการจัดการธุรกรรมซื้อขายต่างๆจากที่ต้องใช้เวลา 1-3 วันเหลือเพียงหลักวินาที ผู้ขายจะได้รับเงินเลย อีกฝั่งก็ได้รับกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ทันที อย่างที่ 2 คือ โปรดักต์การลงทุนมีให้เลือกมากขึ้น เพราะมาจากทั่วโลก
เมื่อมองภาพกว้าง Digital Asset Banking จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ภาคเอกชนระดมทุนได้ง่ายขึ้น หาก Token ถูกซื้อโดยนักลงทุนต่างชาติ นั่นหมายความว่า เม็ดเงินลงทุนก็จะเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ถ้านึกถึงตลาดหุ้น นั่นหมายถึง Capital Inflow ซึ่งรัฐเองจะได้ภาษีจากการซื้อขาย Token นี้ด้วย และนี่จะเป็นการ disrupt การระดมทุนในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่
Digital Asset จะทำให้คนทั่วไปหรือนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของ Digital Asset ที่ดีๆจากทั่วโลกได้หมดผ่านเทคโนโลยี Blockchain ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดหรือภาพวาดศิลปินดังที่แพงที่สุดในโลก เพราะ Digital Asset ไร้พรมแดน จะมีพรมแดนก็ต่อเมื่อมีกฎหมายมาคั่น ยกตัวอย่างไทยในปัจจุบัน มีผู้ถือครองที่ดินเปล่าอยู่จำนวนมาก เวลาที่เขาเหล่านั้นต้องการใช้เงินในเวลาอันสั้น ก็ต้องพยายามขายให้ออก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ สภาพเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ การจะขายที่ดินแปลงใหญ่มีมูลค่าสูงจะยากมาก คนจะซื้อเงินไม่พอ ทำให้ขายไม่ได้หรือไม่ก็ต้องขายลดราคา
Digital Asset สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ โดยการ Tokenize ตัวที่ดินตรงนี้ ให้เป็นรูปแบบของ Digital Token ซึ่งถูกแบ่งขายเป็นจำนวนที่ซอยย่อยๆ ลงมาได้ ทำให้คนทั่วไปที่มีเงินไม่มากก็สามารถร่วมเป็นเจ้าของที่ดินนี้ได้ และยังสามารถเข้าถึงผู้ซื้อหรือนักลงทุนจากทั่วโลกได้โดยตรงจากเทคโนโลยี Blockchain ที่อยู่เบื้องหลัง
ประเทศไทยพร้อมหรือไม่กับการจะเป็น ผู้นำในโลก Digital Asset
ปัจจุบัน Digital Asset เป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่มีใครเป็นผู้นำอย่างชัดเจน เทคโนโลยีนี้เกิดมาได้ไม่นานประมาณกว่า 10 ปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี AI ที่เกิดมา 60-70 ปีแล้ว ซึ่งจะเห็นว่า ปัจจุบันถ้าพูดถึงเรื่อง AI เราเป็นเพียงผู้ใช้งานตามหลังจีน สิงคโปร์ ดังนั้นถ้าไทยเริ่มส่งเสริมก่อน เราจะสามารถนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาทำให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศได้อย่างเต็มที่ เทคโนโลยีพื้นฐานของ Digital Asset คือ Blockchain ซึ่งเปรียบเหมือนอินเตอร์เน็ตยุคเริ่มต้น จะเห็นว่าคนที่เข้าไปผลิตโปรแกรมที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แอพพลิเคชัน แชตต่างๆ จะมีโอกาสทำกำไรหรือสร้างธุรกิจจากอินเตอร์เน็ตขึ้นมาได้ เมื่อเทียบกับ Digital Asset ต้องบอกว่า มีหลายช่องทางที่ เราจะเห็นโอกาสแล้วใช้เทคโนโลยีตรงนี้ทำธุรกิจได้ คนที่เข้าไปก่อนจะมีในส่วนของ First Mover Advantage ในระดับหนึ่ง “Digital Asset ก็เหมือนอินเตอร์เน็ต ณ วันที่ทุกคนมองว่ายังเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าคุณเข้ามาก่อนแล้วเห็นโอกาส และจับโอกาสตรงนั้นได้ก่อน ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะแจ้งเกิด”
ความเป็นจริงไทยมีศักยภาพมากในการจะเป็นฮับด้านเทคโนโลยี Digital Asset เรามีบุคลากรภาคเอกชนที่พอและสามารถสร้างให้เกิด Ecosystem ของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และตัวบทกฎหมายที่ชัดเจน ที่จะกำกับดูแล ช่วยกันพัฒนาและสนับสนุนเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างถูกทางและไม่สร้างอุปสรรคให้กับผู้ประกอบการ
การมีเทคโนโลยีใหม่แล้วไม่ทำอะไรหรือเพียงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การเสียโอกาส วันนี้มีโอกาสรออยู่ตรงนี้อีกมาก ถ้าเริ่มก่อนอย่างน้อยเราก็จะได้เปรียบจากการเป็น First Mover และ Digital Asset ก็จะสามารถเข้ามาพัฒนาภาคเศรษฐกิจจริงของเราได้
คอลัมน์ยังอีโคโนมิสต์
โดย : ปรมินทร์ อินโสม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,544 วันที่ 30 มกราคม -1 กุมภาพันธ์ 2563