อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ Digital Asset  เข้ามาเปลี่ยนโลกของตลาดทุน

01 ก.พ. 2563 | 08:25 น.

ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กระแสการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Asset ถูกพูดถึงในกลุ่มนักลงทุนอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่นักลงทุนยังมีความเข้าใจอยู่ว่า สินทรัพย์ดิจิทัลก็คือ เงินตราดิจิทัล หรือ Cryptocurrency 
(คริปโตเคอร์เรนซี)ความจริงแล้ว Digital Asset คือ สินทรัพย์ที่มีรูปแบบเป็นดิจิทัล โดยสินทรัพย์ดิจิทัลอาจจะแทนทรัพย์ที่จับต้องได้ในโลกความจริง เช่น บ้าน ที่ดิน หุ้น หรืออาจจะจับต้องไม่ได้แต่มีมูลค่าในโลกดิจิทัล เช่น ไอเทมในเกมก็ได้

Digital Asset จะทำให้เกิดการเปลี่ยน Landscape ของการแข่งขันในโลกการลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง

Digital Asset ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น ทั้งนักลงทุนผู้นำสินทรัพย์มาขายรวมถึงคนซื้อสินทรัพย์ ดังนั้นนักลงทุนจะได้ประโยชน์อย่างแรกคือ ความเร็วจากการจัดการธุรกรรมซื้อขายต่างๆจากที่ต้องใช้เวลา 1-3 วันเหลือเพียงหลักวินาที ผู้ขายจะได้รับเงินเลย อีกฝั่งก็ได้รับกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ทันที อย่างที่ 2 คือ โปรดักต์การลงทุนมีให้เลือกมากขึ้น เพราะมาจากทั่วโลก

เมื่อมองภาพกว้าง Digital Asset Banking จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ภาคเอกชนระดมทุนได้ง่ายขึ้น หาก Token ถูกซื้อโดยนักลงทุนต่างชาติ นั่นหมายความว่า เม็ดเงินลงทุนก็จะเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ถ้านึกถึงตลาดหุ้น นั่นหมายถึง Capital Inflow ซึ่งรัฐเองจะได้ภาษีจากการซื้อขาย Token นี้ด้วย และนี่จะเป็นการ disrupt การระดมทุนในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่

Digital Asset จะทำให้คนทั่วไปหรือนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของ Digital Asset ที่ดีๆจากทั่วโลกได้หมดผ่านเทคโนโลยี Blockchain ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดหรือภาพวาดศิลปินดังที่แพงที่สุดในโลก เพราะ Digital Asset ไร้พรมแดน จะมีพรมแดนก็ต่อเมื่อมีกฎหมายมาคั่น ยกตัวอย่างไทยในปัจจุบัน มีผู้ถือครองที่ดินเปล่าอยู่จำนวนมาก เวลาที่เขาเหล่านั้นต้องการใช้เงินในเวลาอันสั้น ก็ต้องพยายามขายให้ออก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ สภาพเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ การจะขายที่ดินแปลงใหญ่มีมูลค่าสูงจะยากมาก คนจะซื้อเงินไม่พอ ทำให้ขายไม่ได้หรือไม่ก็ต้องขายลดราคา

อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ Digital Asset  เข้ามาเปลี่ยนโลกของตลาดทุน

 

Digital Asset สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ โดยการ Tokenize ตัวที่ดินตรงนี้ ให้เป็นรูปแบบของ Digital Token ซึ่งถูกแบ่งขายเป็นจำนวนที่ซอยย่อยๆ ลงมาได้ ทำให้คนทั่วไปที่มีเงินไม่มากก็สามารถร่วมเป็นเจ้าของที่ดินนี้ได้ และยังสามารถเข้าถึงผู้ซื้อหรือนักลงทุนจากทั่วโลกได้โดยตรงจากเทคโนโลยี Blockchain ที่อยู่เบื้องหลัง

ประเทศไทยพร้อมหรือไม่กับการจะเป็น ผู้นำในโลก Digital Asset

ปัจจุบัน Digital Asset เป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่มีใครเป็นผู้นำอย่างชัดเจน เทคโนโลยีนี้เกิดมาได้ไม่นานประมาณกว่า 10 ปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี AI ที่เกิดมา 60-70 ปีแล้ว ซึ่งจะเห็นว่า ปัจจุบันถ้าพูดถึงเรื่อง AI เราเป็นเพียงผู้ใช้งานตามหลังจีน สิงคโปร์ ดังนั้นถ้าไทยเริ่มส่งเสริมก่อน เราจะสามารถนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาทำให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศได้อย่างเต็มที่ เทคโนโลยีพื้นฐานของ Digital Asset คือ Blockchain ซึ่งเปรียบเหมือนอินเตอร์เน็ตยุคเริ่มต้น จะเห็นว่าคนที่เข้าไปผลิตโปรแกรมที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แอพพลิเคชัน แชตต่างๆ จะมีโอกาสทำกำไรหรือสร้างธุรกิจจากอินเตอร์เน็ตขึ้นมาได้ เมื่อเทียบกับ Digital Asset ต้องบอกว่า มีหลายช่องทางที่ เราจะเห็นโอกาสแล้วใช้เทคโนโลยีตรงนี้ทำธุรกิจได้ คนที่เข้าไปก่อนจะมีในส่วนของ First Mover Advantage ในระดับหนึ่งDigital Asset ก็เหมือนอินเตอร์เน็ต วันที่ทุกคนมองว่ายังเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าคุณเข้ามาก่อนแล้วเห็นโอกาส และจับโอกาสตรงนั้นได้ก่อน ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะแจ้งเกิด

 

ความเป็นจริงไทยมีศักยภาพมากในการจะเป็นฮับด้านเทคโนโลยี Digital Asset เรามีบุคลากรภาคเอกชนที่พอและสามารถสร้างให้เกิด Ecosystem ของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และตัวบทกฎหมายที่ชัดเจน ที่จะกำกับดูแล ช่วยกันพัฒนาและสนับสนุนเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างถูกทางและไม่สร้างอุปสรรคให้กับผู้ประกอบการ

การมีเทคโนโลยีใหม่แล้วไม่ทำอะไรหรือเพียงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การเสียโอกาส วันนี้มีโอกาสรออยู่ตรงนี้อีกมาก ถ้าเริ่มก่อนอย่างน้อยเราก็จะได้เปรียบจากการเป็น First Mover และ Digital Asset ก็จะสามารถเข้ามาพัฒนาภาคเศรษฐกิจจริงของเราได้

คอลัมน์ยังอีโคโนมิสต์

โดย : ปรมินทร์ อินโสม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,544 วันที่ 30 มกราคม -1 กุมภาพันธ์ 2563