Oppenheimer คว้า “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” และอีก 4 รางวัลใหญ่เวทีลูกโลกทองคำ 2024

08 ม.ค. 2567 | 12:06 น.

"Oppenheimer" กลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลบทเวทีลูกโลกทองคำมากที่สุดในปีนี้ โดยสามารถคว้ามาได้ถึง 5 รางวัล รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า ขณะที่ “Barbie” เข้าชิงมากสุดถึง 9 สาขา แต่ได้ครอง 2 รางวัล

 

การประกาศ รางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globes 2024) ครั้งที่ 81 ซึ่งจัดขึ้นโดย Hollywood Foreign Press Association ณ โรงแรม เบเวอรี ฮิลตัน นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ค่ำวานนี้ (7 ม.ค. ซึ่งตรงกับเช้าวันนี้ 8 ม.ค.ตามเวลาไทย) ถือเป็นการประกาศความสำเร็จของ ภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer ของ ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่สามารถคว้ารางวัลในปี 2024 นี้ มาครองถึง 5 สาขารางวัลใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย

  • ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (โดย คิลเลียน เมอร์ฟี)
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์)
  • ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (คริสโตเฟอร์ โนแลน)
  • และรางวัลเพลงบรรเลงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (จากฝีมือการประพันธ์ของ ลุดวิก เกอรันซัน)

ทีมงานภาพยนตร์ Oppenheimer ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน  ขึ้นรับรางวัล "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า"  เวทีลูกโลกทองคำ2024

สำหรับรายชื่อของผู้ที่ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 81 ประจำปี 2024 มีดังนี้

สาขาภาพยนตร์

  • รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า: Oppenheimer
  • รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล: Poor Things
  • รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม: The Boy and the Heron
  • รางวัลความสำเร็จด้านภาพยนตร์และบ็อกซ์ออฟฟิศ: Barbie
  • รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า: คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) จากเรื่อง Oppenheimer

คิลเลียน เมอร์ฟี (ซ้าย) คว้านักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ประเภทดราม่า Oppenheimer ส่วนโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (ขวา) รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่องเดียวกัน

  • รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า: ลิลลี แกลดสโตน (Lily Gladstone) จาก Killers of the Flower Moon
  • รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล: พอล จิอาแมตติ (Paul Giamatti) จากเรื่อง The Holdovers
  • รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล: เอ็มมา สโตน (Emma Stone) จาก Poor Things
  • รางวัลนักแสดงภาพยนตร์สมทบชายยอดเยี่ยม: โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) จาก Oppenheimer
  • รางวัลนักแสดงภาพยนตร์สมทบหญิงยอดเยี่ยม: ดาไวน์ จอย แรนดอล์ฟ (Da’Vine Joy Randolph) จาก The Holdovers
  • รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) จาก Oppenheimer
  • รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: จัสตีน ทรีเย (Justine Triet) และ อาเธอร์ ฮารารี (Arthur Harari) จาก Anatomy of a Fall
  • รางวัลเพลงบรรเลงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: ลุดวิก เกอรันซัน (Ludwig Göransson) จาก Oppenheimer
  • รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: What Was I Made For ? โดยบิลลี ไอลิช (Billie Eilish) และ ฟินเนียส โอคอนเนลล์ (Finneas O’Connell) จากเรื่อง Barbie
  • รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม: Anatomy of a Fall (ภาพยนตร์ฝรั่งเศส)

Anatomy of a Fall ภาพยนตร์ฝรั่งเศส คว้ารางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม

สาขาโทรทัศน์

  • รางวัลทีวีซีรีส์ยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า: Succession (สถานี HBO/Max)
  • รางวัลทีวีซีรีส์ยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล: The Bear (FX)
  • รางวัลซีรีส์ขนาดสั้นและภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม: Beef (Netflix)
  • รางวัลนักแสดงซีรีส์ชายยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า: คีแรน คัลกิน (Kieran Culkin) จากเรื่อง Succession
  • รางวัลนักแสดงซีรีส์หญิงยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า: ซาราห์ สนูก (Sarah Snook) จาก Succession
  • รางวัลนักแสดงซีรีส์ชายยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล: เจเรมี อัลเลน ไวต์ (Jeremy Allen White) จาก The Bear
  • รางวัลนักแสดงซีรีส์หญิงยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล: อาโย เอเดบิรี (Ayo Edebiri) จาก The Bear
  • รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ขนาดสั้นและภาพยนตร์ทางโทรทัศน์: สตีเวน ยอน (Steven Yeun) จาก Beef
  • รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ขนาดสั้นและภาพยนตร์ทางโทรทัศน์: อาลี วอง (Ali Wong) จาก Beef
  • รางวัลนักแสดงซีรีส์สมทบชายยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ตลกหรือดราม่า: แมธธิว แม็กเฟเดียน (Matthew Macfadyen) จากSuccession
  • รางวัลนักแสดงซีรีส์สมทบหญิงยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ตลกหรือดราม่า: อลิซาเบธ เดบิกกี (Elizabeth Debicki) จาก The Crown
  • รางวัลการแสดงสแตนอัปคอมมีดี้ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม: ริกกี เกอร์เวส (Ricky Gervais) จาก Ricky Gervais: Armageddon

ในปีนี้ งานลูกโลกทองคำมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ประการแรกคือ การเปลี่ยนสถานีแม่ข่ายในการออกอากาศ จากสถานีโทรทัศน์ NBC ที่สิ้นสุดความร่วมมือในปีนี้หลังจากออกอากาศมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ มาเป็นสถานีโทรทัศน์ CBS ที่รับช่วงต่อเป็นสถานีแม่ข่ายในการถ่ายทอดสด คู่ขนานกับการออกอากาศทาง Paramount+ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิง

นอกจากนี้ ในแง่ผู้จัด ยังเป็นปีแรกที่กลุ่มองค์กรเอกชนได้แก่ Dick Clark Productions และ Eldridge Industries เข้ามาเป็นผู้จัดงานแทนผู้จัดงานกลุ่มเดิม คือ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของฮอลลีวูด (Hollywood Foreign Press Association) หรือ HFPA ที่ถูกยุบหลังการเข้าซื้อทรัพย์สินของกลุ่มองค์กรเอกชนดังกล่าว โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการซื้อกิจการ จะนำไปมอบให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรแห่งใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานของ HFPA ต่อไป

Barbie คว้ารางวัลความสำเร็จด้านภาพยนตร์และบ็อกซ์ออฟฟิศ ซึ่งเป็นรางวัลใหม่ มอบครั้งแรกในปีนี้

อีกการเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือ ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเพิ่มหมวดหมู่รางวัลใหม่ 2 รางวัล คือ รางวัลความสำเร็จด้านภาพยนตร์และบ็อกซ์ออฟฟิศ (Cinematic and Box Office Achievement) ที่จะมอบให้กับภาพยนตร์ที่มีรายได้ Box Office รวม 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป โดย 100 ล้านดอลลาร์จะต้องมาจากรายได้ Box Office ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือมีจำนวนผู้ชมจากสตรีมมิงที่เหมาะสม ตามเกณฑ์การรับชมจากแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้

ส่วนอีกรางวัลใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้ คือ รางวัลการแสดงสแตนด์อัปคอมมีดี้ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม (Best Performance in Stand-Up Comedy on Television) โดยนักแสดง Stand-Up Comedy ที่ได้เข้าชิง จะต้องมีการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนที่มีความยาวอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป