สปสช.ไฟเขียวผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ใช้สิทธิ "บัตรทอง" ฟอกไตฟรี มีผล 1 ก.พ.65

07 ม.ค. 2565 | 13:11 น.

บอร์ด สปสช. ไฟเขียวผู้ป่วยไตวายเรื้อรังสิทธิบัตรทองที่ไม่สมัครใจรับบริการล้างไตผ่านทางช่องท้อง เลือกใช้วิธีล้างไตด้วยการฟอกเลือดได้โดยไม่จ่ายเงินเอง เน้นหลักการให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง สามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไตกับแพทย์ได้ เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ. 2565

วันนี้ (7 ม.ค.65) ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 1/2565 วันที่ 6 ม.ค. 2565 มีมติเห็นชอบข้อเสนอการช่วยเหลือค่าบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ไม่สมัครใจรับบริการล้างไตผ่านทางช่องท้อง และเตรียมเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ที่มาข้อเสนอนี้เนื่องจากการลงพื้นที่หน่วยบริการ ได้รับฟังปัญหาจากผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่แพทย์เลือกวิธีการล้างไตทางช่องท้อง (PD) ให้ แต่ตัวผู้ป่วยต้องการใช้วิธีล้างไตด้วยการฟอกเลือด (HD)จึงต้องแบกรับภาระค่าฟอกเลือดเองครั้งละ 1,500 บาท จึงนำเรื่องนี้หารือกับเลขาธิการ สปสช. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องจ่ายเงินเอง ซึ่ง สปสช. ได้ทำการศึกษารายละเอียดแล้วพบว่าสามารถทำได้ จึงนำมาสู่การเสนอความเห็นชอบจากบอร์ด สปสช. ในวันนี้

 

นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หลักการในการพิจารณาเรื่องนี้คือการชดเชยบริการในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเองเพื่อป้องกันภาวะล้มละลายทางการเงิน โดยให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient centered care) สามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไตกับแพทย์โดยคํานึงถึงเศรษฐานะ พยาธิสภาพของโรค ปัจจัยทางสังคม ความเหมาะสม

 

ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนทางอ้อม (indirect cost) ที่จะเกิดขึ้นในการรับบริการด้วย ได้แก่ ค่าเดินทางในการมารับบริการที่หน่วยบริการ ตลอดจนความจําเป็นและคุณภาพบริการที่ผู้ป่วยจะได้รับ

นอกจากเสนอยกเลิกการชดเชยบริการในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเองแล้ว สปสช. ยังเสนอให้ต่อรองราคาลดต้นทุนบริการล้างไตในทุกวิธีเพื่อลดภาระงบประมาณ เพิ่มจำนวนหน่วยบริการล้างไตและการเพิ่มบุคลากรด้านโรคไตในระบบ เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องมาทำการฟอกเลือดเพิ่มขึ้น มีกลไกกำกับในกรณีที่ผู้ป่วยเปลี่ยนจากการล้างไตทางช่องท้องมาเป็นการฟอกเลือด (shift mode)เพื่อไม่ให้เพิ่มจนระบบบริการรองรับไม่ทัน ตลอดจนสนับสนุน เร่งรัด มาตรการป้องกันและชะลอจำนวนผู้ป่วยโรคไตรายใหม่

 

นายแพทย์จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า จากข้อมูลปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ล้างไตด้วยวิธีฟอกเลือด 24,256 ราย และมีอีก 6,546 รายที่ไม่สมัครใจล้างไตทางช่องท้องแล้วเลือกจ่ายเงินเอง รวมเป็น 30,802 ราย ขณะที่ผู้ป่วยล้างไตทางหน้าท้องมี 32,892 ราย

 

 

หากลบผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปใช้วิธีการฟอกเลือดออก คาดว่าจะมีผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องอยู่ประมาณ 27,958 ราย ซึ่งต้นทุนการชดเชยค่าบริการสำหรับการฟอกเลือดในปัจจุบัน สปสช.จ่ายอยู่ที่ 197,700 บาท/ราย

 

ขณะที่ต้นทุนการล้างไตทางหน้าท้องอยู่ที่ 227,300 บาท/ราย หากใช้ระบบปัจจุบัน จะมีค่าใช้จ่ายในการชดเชยค่าบริการทั้งการล้างไตทางหน้าท้องและฟอกเลือดรวมกัน 12,271.8 ล้านบาท แต่หากมีการยกเลิกในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง คาดว่าจะใช้งบประมาณ 13,419.9 ล้านบาท หรือมีส่วนต่าง 1,148.1 ล้านบาท

 

เมื่อหักงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับค่ายาเพิ่มเม็ดเลือด (EPO) ออกไป จะมีภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด 1,079.9 ล้านบาท และเมื่อปรับลดงบประมาณสำหรับดำเนินการระยะ 8 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ย. 2565 เท่ากับเหลือภาระงบประมาณที่ต้องใช้ทั้งหมด 719.9 ล้านบาท