โรคฉี่หนูระบาด ป่วยแล้ว 2,700 ราย เสียชีวิต 31 ราย

07 ต.ค. 2566 | 20:15 น.

โรคฉี่หนูระบาด พบประชาชนป่วยแล้ว 2,700 ราย เสียชีวิต 31 ราย พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ คาดระบาดเพิ่มหลังมีฝนตกติดกันหลายวัน แนะวิธีป้องกันโรคฉี่หนู

โรคเลปโตสไปโรสิส หรือ โรคฉี่หนู เป็นหนึ่งในโรคระบาดที่มาพร้อมกับช่วงฤดูฝนที่ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร โดยนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ได้ฝากเตือนไปยังประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนจะมีน้ำท่วมขัง ต้องระมัดระวังโรคเลปโตสไปโรสิส หรือ โรคฉี่หนู เป็นพิเศษเพราะสภาพพื้นดินเปียกชื้นหรือมีน้ำท่วมขัง ทำให้เกิดโรคหน้าฝนที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน

เชื้อก่อโรคฉี่หนู จะพบในปัสสาวะของหนู หรือสัตว์ฟันแทะ เป็นพาหะหลัก รวมถึง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ เช่น สุนัข แมว โค แพะ แกะ ซึ่งเชื้อถูกปล่อยออกมากับปัสสาวะที่ปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำขังและพื้นดินที่เปียกชื้น

หากเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฉี่หนูได้ง่ายเพราะเชื้อโรคนี้จะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอก รอยขีดข่วน และเยื่อบุของปาก ตา จมูก และอาจติดต่อได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน

สำหรับสถานการณ์โรคเลปโตสไปโรซิสในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 24 กันยายน 2566 กรมควบคุมโรค รายงานว่า พบผู้ป่วยแล้ว 2,700 ราย และมีผู้เสียชีวิต 31 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้

ส่วนสถานการณ์โรคเลปโตสไปโรซิส พื้นที่ 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 23 กันยายน 2566 พบผู้ป่วยแล้ว 91 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วยมากสุด 36 ราย รองลงมา คือ จังหวัดนครราชสีมา พบผู้ป่วย 29 ราย, จังหวัดชัยภูมิ พบผู้ป่วย 17 ราย และจังหวัดบุรีรัมย์ พบผู้ป่วย 9 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรถึง  57.14 % รองลงมา คือ ทำอาชีพรับจ้าง 26.37 % และเป็นผู้ป่วยเด็ก 8.79 % ตามลำดับ ส่วนกลุ่มอายุที่พบป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมา คือ กลุ่มอายุ 55 -  64 ปี และอายุ 45 - 54 ปี

คำแนะนำสำหรับประชาชน

หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าลุยน้ำย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือถุงพลาสติกสะอาดทุกครั้งหรือถ้าไม่ได้สวมรองเท้าบู๊ท เมื่อลุยน้ำเสร็จต้องรีบล้างมือล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำโดยเร็ว  

กรณีที่มีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้แผลสัมผัสน้ำโดยตรง ควบคุมและกำจัดหนูตามบริเวณที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ควรระบายน้ำตามท่อระบายออก แล้วล้างเพื่อกำจัดน้ำที่ปนเปื้อน

หากมีอาการป่วยไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวจะปวดมากโดยเฉพาะที่น่องและโคนขา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาแดง เป็นต้น ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อให้วินิจฉัยโรคและเข้ารับการรักษาเพราะหากล่าช้าอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ไตวาย ตับวายเฉียบพลัน เลือดออกในปอด อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นสีดำ มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้