กฟผ. ผนึกพันธมิตรปั้นธุรกิจสุขภาพรอบ 9 เขื่อนทั่วประเทศบูมเศรษฐกิจ

02 มิ.ย. 2566 | 09:51 น.

กฟผ. ผนึกพันธมิตรปั้นธุรกิจสุขภาพรอบ 9 เขื่อนทั่วประเทศบูมเศรษฐกิจฐานราก รับรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผ่านการพัฒนารูปแบบธุรกิจ นวัตกรรมและเทคโนโลยี พัฒนาเครือข่ายการตลาด

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสมาคมการผังเมืองไทย กรรมการและเลขานุการกฎบัตรไทย และเครือข่าย 10 มหาวิทยาลัยยกระดับเขื่อนของ กฟผ. และพื้นที่ชุมชนโดยรอบที่มีศักยภาพสู่ธุรกิจสุขภาพ หรือเวลเนส (Wellness) ยกระดับเป็นเขตนวัตกรรมการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพ เขตนวัตกรรมการท่องเที่ยวมูลค่าสูง 

และเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมมูลค่าสูง ผ่านการพัฒนารูปแบบธุรกิจ นวัตกรรมและเทคโนโลยี พัฒนาเครือข่ายการตลาด ส่งเสริมการจ้างงานและเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงประสานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการภายใต้กรอบระยะเวลา 5 ปี เพื่อร่วมกันยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตอบสนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติในการเปลี่ยนไทยให้เป็นประเทศรายได้สูงในปี 2580

ทั้งนี้ กฟผ. ได้พัฒนาสินทรัพย์ บริการ และแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขื่อนต่าง ๆ ซึ่งเป็นต้นทุนทางสังคม หรือ Soft Power ที่สามารถต่อยอด สร้างผลกระทบเชิงบวกทางด้านเศรษฐกิจมูลค่าสูงต่อชุมชนโดยรอบมา และช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง 

การเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกฎบัตรไทยในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาพื้นที่เขื่อนและชุมชนโดยรอบของ กฟผ. สู่ธุรกิจด้านสุขภาพแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพัฒนาพลังงานสะอาด สนับสนุนนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน 

รวมถึงพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ชุมชน โดย กฟผ. จะจัดทำแผนแม่บทบูรณาการเชื่อมโยงร่วมกับกฎบัตรไทยและเครือข่ายมหาวิทยาลัยในแต่ละภาคของประเทศ เพื่อกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ประจำภาคสำหรับพัฒนาชุมชนในแต่ละจังหวัด โดยมีเขื่อนของ กฟผ. เป็นศูนย์กลางดำเนินงานและเชื่อมโยงสู่ชุมชน

อย่างไรก็ดี กฟผ. จะนำร่องในพื้นที่เป้าหมาย 9 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 

  • ภาคเหนือ 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก
  • ภาคใต้ 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้ากระบี่ จ.กระบี่ และเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง ได้แก่ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา และเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ
  • ภาคตะวันตก 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี

นายบุญญนิตย์ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือครั้งดังกล่าวนี้ เชื่อว่าจะเป็นกลไกที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ช่วยสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่สำคัญคือ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน 

ซึ่งโครงการนี้ยังได้ประสานงานกับโรงพยาบาลใน เครือข่ายให้สามารถใช้สิทธิ์ในการดูแลรักษาพยาบาล ตามสิทธิ์ของผู้ป่วยได้ เบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสองถึงสามเดือน นำร่องที่เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี โดย 9 เขื่อนมีห้องพักรองรับมากกว่า 1,000 ห้อง