ปชช.สิทธิบัตรทอง 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี! เริ่ม 1 พ.ค. 66

29 เม.ย. 2566 | 04:49 น.

รัฐบาลเปิดให้ประชาชนที่มีสิทธิ์บัตรทอง 7 โรคกลุ่มเสี่ยง เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ได้ฟรี ตั้งแต่ 1 พ.ค. 66 ที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับกรมควบคุมโรค เปิดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ (A H1N1, A H3N2, B Victoria) จำนวน 2.9 ล้านโดส สำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงสิทธิบัตรทอง ฟรี! เริ่มวันที่ 1 พ.ค.2566 – 31 ส.ค.2566 หรือจนกว่าวัคซีนฯ หมด

ขั้นตอนการรับบริการฉีด "วัคซีนไข้หวัดใหญ่" ประชาชนสามารถติดต่อที่หน่วยบริการ สถานพยาบาล หรือหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่มีสิทธิ ตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้ที่ "กระเป๋าสุขภาพ" แอปเป๋าตัง ส่วนผู้ที่อยู่ใน กทม. ที่ไม่ได้จองสิทธิผ่านแอปเป๋าตัง ให้ติดต่อได้ที่หน่วยบริการในระบบ สปสช.ได้ทุกแห่ง

ทั้งนี้ "การจองนัดหมายเข้ารับบริการ" ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละหน่วยบริการ หากไม่สามารถทำนัดหมายได้ กรุณาติดต่อสอบถามการเข้ารับบริการกับหน่วยบริการโดยตรงหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร.1330 หรือไลน์ สปสช. พิมพ์ไอดี @nhso

กลุ่มเป้าหมาย 7 กลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย

  1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) 
  2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน 
  3. ผู้มีโรคเรื้อรัง ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
  4. ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
  5. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
  6. โรคอ้วน (น้ำหนัก> 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
  7. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

“โรคไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ในเด็กสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ในหญิงตั้งครรภ์ควรฉีดเพื่อป้องกันลูกน้อยที่เพิ่งคลอดยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะฉีดวัคซีน

หากพบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรง และสงสัยว่ามีอาการไข้หวัดใหญ่ โดยมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูก ให้รีบมาพบแพทย์เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ” นางสาวรัชดา กล่าว

ทั้งนี้รัฐบาลมีความห่วงใยสุขภาพ ของพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีอากาศที่เปลี่ยนแปลง จากการคาดการณ์ของกรมอุตินิยมวิทยาคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้

ซึ่งมักจะพบการระบายของโรคไข้หวัดใหญ่ในฤดูฝน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่ายจึงได้ดำเนินโครงการดังกล่าว