"จีนเปิดประเทศ" ไทยเบาใจโควิด XBB เก่งสุดในโลกไม่ใช่สายพันธุ์หลัก

10 ม.ค. 2566 | 21:58 น.

"จีนเปิดประเทศ" ไทยเบาใจโควิด XBB เก่งสุดในโลกไม่ใช่สายพันธุ์หลัก หลังนักวิจัยของ China CDC ได้แถลงกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา

จีนเปิดประเทศอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ม.ค.66 และมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกลุ่มแรกเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.66 

 

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ทั่วโลก และประชาชนคนไทยให้ความสนใจก็คือ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในจีน ซึ่งกังวลกันว่าจะถูกนำไปแพร่เชื้อยังประเทศอื่น

 

ล่าสุดน.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

จีนยังเบาใจ !! XBB ซึ่งเป็นไวรัสที่เก่งที่สุดในขณะนี้ ยังไม่ใช่สายพันธุ์หลัก
 

หมอเฉลิมชัย ระบุว่า Chen ซึ่งนักวิจัยของ China CDC ได้แถลงกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ว่า


ได้พบเคสซึ่งมีไวรัสสายพันธุ์ XBB จากต่างประเทศเข้ามาจำนวนหนึ่ง

โดยที่มีเคสของคนจีนภายในประเทศเองเพียง 16 ราย ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2565

 

อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่พบในช่วงเดือนตุลาคม และลดลงอย่างชัดเจนในช่วงพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2565

 

เพราะฉะนั้น จึงคาดว่า "ไวรัสสายพันธุ์ XBB" ไม่น่าจะระบาดเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศจีนในระยะเวลาอันใกล้นี้

 

ไทยเบาใจโควิด XBB เก่งสุดในโลกไม่ใช่สายพันธุ์หลักในจีน

 

โดยคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์หลักของจีนคือ BA.5.2 

 

และ BF.7 ที่สามารถรับมือกับ XBB ได้ประมาณ 6 เดือน จึงยังไม่ทำให้มีการระบาดใหญ่ของไวรัสสายพันธุ์ XB

 

หมอเฉลิมชัย ระบุอีกว่า ทางการจีนกำลังติดตามไวรัสสายพันธุ์ XBB อย่างใกล้ชิด ทั้งในมิติของความรุนแรง 

 

ความสามารถในการแพร่เชื้อ และความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน

 

และประเทศจีนมองในประเด็นที่ว่า นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มี XBB ระบาดเป็นจำนวนมาก 

 

จะนำความเสี่ยงของโควิดสายพันธุ์ XBB เข้ามาสู่จีน

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจากองค์การอนามัยโลกคาดว่า จีนน่าจะมีผู้ติดโควิดหลังจากผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ อยู่ที่ราว 10.64 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 33,144 คน

 

โดยที่สามารถฉีดวัคซีนไปได้แล้ว 3,465 ล้านโดส สำหรับประชากร 1,400 ล้านคน

 

ทั้งนี้เปรียบเทียบกับก่อนที่จะมีมาตรการผ่อนคลายโควิดเป็นศูนย์ ที่มีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 5000 คน

 

การผ่อนคลายมาตรการโควิดดังกล่าวของรัฐบาลจีน ซึ่งมีผลดีในมิติทางเศรษฐกิจและในมิติทางการเมือง 

 

ได้ส่งผลกระทบกับมิติสาธารณสุข ทำให้จีนมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นดังกล่าว