ทำไมไทยจึงไม่ต้องกลัวโควิดระบาดหนักจากนักท่องเที่ยวจีน อ่านเลย

01 ม.ค. 2566 | 21:31 น.

ทำไมไทยจึงไม่ต้องกลัวโควิดระบาดหนักจากนักท่องเที่ยวจีน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลสายพันธุ์ที่พบในจีนและประเทศไทย

การเปิดประเทศของจีนกลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตา เหตุเพราะเกรงว่าจะเป็นการนำเชื้อไวรัสโควิด19 เข้ามาเผยแพร่

 

ทั้งนี้ เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันจีนเองก็มีการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก

 

ประเทศไทยถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจีนเลือก ขณะที่ไทยเองก็ไม่ได้มีการยกระดับการป้องกันเพิ่มมากขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีน

 

ประชาชนไทยเองก็เกิดความกังวลว่าเชื้อโควิดจากจีนจะเข้ามาแพร่ระบาดในไทยหรือไม่

 

ล่าสุดน.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ทำไมไทยจึงพอจะเบาใจได้ เรื่องนักท่องเที่ยวจีนอาจทำให้โควิดมีการแพร่ระบาดอย่างมากในประเทศไทย

 

หลังจากที่จีนได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายโควิดเป็นศูนย์มาเป็นลำดับ

 

และกำลังจะมีมาตรการสำคัญยิ่งใหญ่ แทบจะเรียกว่าเป็นการเปิดประเทศกันเลยทีเดียว

 

คือนับตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 จีนจะยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าออกประเทศจีน

ทำให้ประชาชนของทุกประเทศสามารถเดินทางเข้าจีนได้สะดวก ง่ายดายขึ้น
และในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวจีนก็สามารถออกมาเที่ยวนอกประเทศได้สะดวกเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ผลของการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว ทำให้จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในโลกราว 1,400 ล้านคน

 

เกิดการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงสามปีที่ผ่านมาจีนควบคุมโควิดได้ดีมาก จนมีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 1 ล้านคน เสียชีวิตไปเพียง 5000 คนเศษ

 

สายพันธุ์โควิดที่ระบาด

ทำให้ประเทศต่างๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการเปิดประเทศของจีนแตกต่างกันออกไป แยกได้สองกลุ่ม คือ

 

  • กลุ่มที่ยังคงมาตรการต่างๆสำหรับรับมือนักท่องเที่ยวชาวจีนเหมือนเดิม ได้แก่ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ กลุ่มเศรษฐกิจยุโรป และประเทศไทย โดยต่างเชื่อว่าสามารถที่จะรับมือและควบคุมการระบาดของโควิดได้ เพื่อแลกกับรายได้จำนวนมากที่จะเข้าสู่ประเทศ

 

  • กลุ่มที่ทำการปรับมาตรการควบคุมโรคเข้มข้นขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิตาลี ญี่ปุ่น อินเดีย โดยมีความกังวลว่า จะมีโควิดจากนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่ประเทศตนเองจึงให้ความสำคัญมิติทางสาธารณสุขมากกว่ามิติทางด้านเศรษฐกิจ

 

สำหรับกลุ่มประเทศที่ไม่ได้เพิ่มมาตรการเข้ม เพราะมีความเชื่อว่าไวรัสก่อโรคในขณะนี้คือ สายพันธุ์โอมิครอนนั้น มีความสามารถในการติดต่อได้ง่ายก็จริง แต่ไม่ได้รุนแรงและผู้เสียชีวิตไม่มากนัก อาจถือเป็นโรคประจำฤดูกาล

 

จึงไม่ควรเสียโอกาสในการหารายได้เข้าประเทศ

อย่างไรก็ตาม แนวความคิดดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลรองรับว่า สายพันธุ์ที่มีการระบาดในประเทศจีนนั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่แล้วในประเทศของตนเอง

 

นับเป็นข่าวดี ที่ศูนย์จีโนมแห่งชาติคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้เปิดเผยข้อมูลว่า

 

จากตัวอย่างการถอดรหัสไวรัสในประเทศจีนขณะนี้ เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่ไม่ได้รุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทย แล้วก็ไม่ได้รุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ทั่วโลก กล่าวคือ

 

เป็น BA. 5.2 จำนวน 25.8% 

 

BF.7 จำนวน 23.5%

 

โดยที่ BA. 5.2 จะสู้สายพันธุ์หลักของไทยในปัจจุบันคือ BA. 2.75 ไม่ได้

 

โดย BA.2.75 ของไทยแพร่เก่งกว่า BA.5.2 ของจีนอยู่ 63% 
และแพร่เก่งกว่า BF.7  อยู่ 9%

 

ในขณะเดียวกันนั้นของประเทศอิตาลี ที่มีข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวจากจีนสองไฟลท์ตรวจพบโควิดประมาณครึ่งหนึ่ง ก็ถอดรหัสเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด

 

ในเยอรมนี และในกลุ่มประเทศยุโรปก็พบหลักการเดียวกันคือ ไวรัสที่ก่อโรคในประเทศจีน ล้วนแต่เป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดในประเทศอื่นๆแล้วทั้งสิ้น

 

ดังนั้นการที่มีการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อโดยธรรมชาติต่อไวรัสสายพันธุ์ที่ล้ำหน้ากว่าสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในจีน จึงทำให้เกิดความเบาใจว่าจะไม่มีการระบาดที่รุนแรงจากนักท่องเที่ยวชาวจีน

 

แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามข้อมูลรายละเอียด ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของประเทศจีนไปเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงเพิ่มขึ้น มาตรการต่างๆก็ต้องยกระดับเข้มข้นขึ้นทันที