KEY
POINTS
จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ และที่จังหวัดสงขลาซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบหลายอำเภอ ถนนหลายจุดถูกตัดขาด ชุมชนจำนวนหนึ่งต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง ส่งผลให้ประชาชนบางส่วนไม่สามารถเดินทางไปใช้บริการที่โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการประจำตามสิทธิได้ตามปกติ
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า สปสช. ได้เตรียมหลักเกณฑ์รองรับการดูแลประชาชนและโรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ เช่น ความไม่สงบหรืออุทกภัย นำมาใช้กับสถานการณ์น้ำท่วมสงขลาและในพื้นที่อื่นที่ประสบภัยในครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสิทธิบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วมสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่จำเป็นได้ต่อเนื่องและสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลในพื้นที่และให้โรงพยาบาลมีแนวทางปฏิบัติและการเบิกจ่ายที่ชัดเจน
โดยกำหนด 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การคุ้มครองสิทธิและการเบิกจ่าย การเข้าถึงบริการ การประสานงาน และ การสนับสนุนฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสิทธิบัตรทองเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้ต่อเนื่อง
"เป้าหมาย คือให้ผู้มีสิทธิบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วมยังเข้ารับบริการได้ตามความจำเป็น และโรงพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมั่นใจภายใต้แนวทางที่ สปสช. กำหนด" ทพ.อรรถพร กล่าว
หากประชาชนสิทธิบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วมไม่สามารถใช้บริการที่โรงพยาบาลประจำตามสิทธิได้เนื่องจากน้ำท่วมหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงเส้นทางสัญจรถูกตัดขาดเดินทางลำบาก ให้ถือเป็น กรณีจำเป็น
ประชาชนสามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลอื่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่อยู่ใกล้และปลอดภัยกว่าได้ ทั้งในจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง
"ถ้าโรงพยาบาลหรือ รพ.สต. ตามสิทธิใช้การไม่ได้หรือไปไม่ถึง ประชาชนสามารถไปใช้บริการที่โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการอื่นที่อยู่ในระบบบัตรทองที่ใกล้กว่าได้ โดยถือว่า อยู่ในเกณฑ์กรณีจำเป็น ไม่ต้องกังวลเรื่องไม่ตรงสิทธิ" ทพ.อรรถพร กล่าว
นอกจากนั้นประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบยังสามารถไปใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ที่ร้านยาคุณภาพ ปรึกษาเภสัชกรและรับยาตามอาการได้ โดยดูจากหน้าร้านยาจะมีสติกเกอร์ 30 บาทรักษาทุกที่ติดที่หน้าร้านหรือประชาชนท่านใดสะดวกในการใช้โทรศัพท์เพื่อพบหมอออนไลน์ก็ใช้บริการได้กับ 3 แอปพลิเคชัน เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วยได้เข้ารักษานอกเหนือจากไปที่หน่วยบริการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 โทรฟรี 24 ชั่วโมง
โฆษก สปสช. กล่าวว่า สปสช. กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขให้หน่วยบริการที่รับดูแลผู้ป่วยจากพื้นที่น้ำท่วมหรือสถานการณ์ไม่ปกติไว้อย่างชัดเจน โดยให้หน่วยบริการบันทึกข้อมูลการให้บริการและเหตุจำเป็นที่ผู้ป่วยต้องมารับบริการที่หน่วยตนแทนหน่วยประจำ ยื่นขอรับค่าใช้จ่ายจาก สปสช. ตามวิธีการและรหัสที่กำหนดในแนวทางกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินและอุทกภัย
โดยในสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ สปสช. ได้ยกเว้นการปิดสิทธิหรือการยืนยันตัวตนภายหลังจากที่ได้รับบริการแล้วให้กับหน่วยบริการในพื้นที่ประสบภัยด้วย ขณะเดียวกันหากหน่วยบริการต้องรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากพื้นที่อื่น สามารถประสาน สปสช. เพื่อหารือการสนับสนุนเพิ่มเติมในภาพรวม
ทั้งนี้ เพื่อให้โรงพยาบาลในพื้นที่วิกฤตสามารถรับผู้ป่วยได้อย่างมั่นใจว่ามีระบบการเบิกจ่ายรองรับ ทั้งกรณีรักษาผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน รวมถึงบริการเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยไตที่ต้องฟอกไตหรือล้างไต เป็นต้น
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับบริการต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรือทำการล้างไต ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรับยาอย่างสม่ำเสมอ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรับยา เคมีบำบัด หรือฉายแสง ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง สปสช. เขต ในพื้นที่จะร่วมกับโรงพยาบาลวางแผนสำรองบริการ เช่น เปลี่ยนสถานที่ฟอกไตชั่วคราว จัดระบบส่งต่อผู้ป่วยจากจุดอพยพ หรือเพิ่มรอบฟอกไต/การให้ยา เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ขาดการรักษา
"ขอให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้และครอบครัว หากเดินทางมารับบริการที่เดิมไม่ได้ ให้ติดต่อโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ หรือโทรสายด่วน 1330 เพื่อให้ช่วยประสานงานต่อ" ทพ.อรรถพร กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายแล้ว จะต้องมีการฟื้นฟูด้านสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ อบต./เทศบาลในพื้นที่สามารถใช้กลไกกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นหรือ กปท. ในการจัดทำโครงการหรือกิจกรรมตอบสนองสถานการณ์ภัยพิบัติได้คล่องตัวมากขึ้น เช่น โครงการรับ–ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โครงการฟื้นฟูอนามัยสิ่งแวดล้อมทำความสะอาดและฟื้นฟูสถานที่สาธารณะ โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ศาสนสถาน โครงการให้ความรู้ประชาชนเรื่องโรคที่มากับน้ำท่วม และรณรงค์ป้องกันโรคหลังน้ำท่วม เช่น โรคผิวหนัง โรคทางเดินอาหาร ไข้เลือดออก และโรคฉี่หนู เป็นต้น
หากประชาชนสิทธิบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วมมีข้อสงสัยเรื่องสิทธิการรักษา หรือพบปัญหาในการเข้ารับบริการ เช่น หน่วยบริการปฏิเสธการรักษาเพราะไม่ตรงสิทธิ ถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกินสิทธิ หรือไม่ทราบว่าจะไปรักษาที่ใดในช่วงน้ำท่วม
รวมถึงต้องการขอความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ทั้งด้านอาหาร การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การอพยพต่าง ๆ แจ้งได้ทุกเรื่องที่เดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม สามารถติดต่อ สายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สปสช. จะประสานหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือต่อไป
สำหรับหน่วยบริการที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์น้ำท่วม การบันทึกข้อมูล หรือการเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย สามารถประสานกับ สปสช. ได้โดยตรงผ่านสายด่วน 1330 กด 5