สธ. ส่งทีม SEhRT ดูแลใกล้ชิด เฝ้าระวัง คนท้อง-เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเป็นพิเศษ

25 พ.ย. 2568 | 04:35 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2568 | 04:35 น.

สาธารณสุข ส่งทีม SEhRT ลงพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ เน้นเฝ้าระวังดูแลใกล้ชิดกลุ่มเปราะบางหญิงตั้งครรภ์-เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุ เป็นพิเศษ

KEY

POINTS

  • กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่งทีม SEhRT และทีมสาธารณสุขลงพื้นที่ดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 7 จังหวัดภาคใต้
  • เน้นการเฝ้าระวังและดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ รวม 3,397 ราย
  • มีการจัดตั้งศูนย์พักพิง 138 แห่ง พร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงและหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอดไปดูแลที่โรงพยาบาล

จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักภาคใต้หลายจังหวัด นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยประชาชนกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ได้ส่งทีมสาธารณสุขลงพื้นที่ดูแลอย่างใกล้ชิด

จากรายงานสถานการณ์ผู้ประสบภัยในเขตสุขภาพที่ 12 ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบ 7 จังหวัด 66 อำเภอ 369,847 ครัวเรือน ประกอบด้วย จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จึงได้มอบหมายให้ทีมสาธารณสุข ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมและศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตามดูแลกลุ่มเปราะบาง รวม 3,397 ราย

ขณะนี้มีศูนย์พักพิงใน 7 จังหวัด รวม 138 แห่ง สำหรับจังหวัดสงขลาได้จัดตั้งศูนย์พักพิง จำนวน 67 แห่ง บางส่วนได้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปพักที่โรงพยาบาลจะนะ จำนวน 7 ราย เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องใช้ออกซิเจน และ suction 5 ราย และหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด มีอายุครรภ์เกิน 39 สัปดาห์ จำนวน 2 ราย สำหรับในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราชได้จัดตั้งศูนย์พักพิงแล้ว จำนวน 10 แห่ง

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ ขณะระดับน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมผ่านช่องทางสื่อสารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งดูแลสุขภาพตนเองและสมาชิกในครอบครัว

โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ หรือลงในจุดที่น้ำท่วมสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วย และเสียชีวิต นอกจากนี้ควรระมัดระวังสัตว์มีพิษกัดต่อย ควรถอดปลั๊กไฟต่าง ๆ ภายในบ้านบริเวณที่จมน้ำ และตัดกระแสไฟฟ้าเฉพาะชั้นที่มีน้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่วซึมหรือลัดวงจร 

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย

ด้านแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้มอบหมายให้ทีม SEhRT ของศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช และศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ลงพื้นที่เข้าร่วมภารกิจร่วมกับหน่วยงานระดับพื้นที่ ทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมทั้งมอบของสนับสนุนสำหรับการจัดการสุขาภิบาล สุขอนามัย และอนามัยสิ่งแวดล้อมขณะนี้สถานการณ์เฝ้าระวังน้ำท่วมในศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลาฝนหยุดตกแล้วแต่ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานียังอยู่ในระดับที่ยังต้องเฝ้าระวัง

สธ. ส่งทีม SEhRT ดูแลใกล้ชิด เฝ้าระวัง คนท้อง-เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเป็นพิเศษ

การดูแลสุขภาพกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ศูนย์พักพิงปฏิบัติ ดังนี้

1. เฝ้าระวังสัญญาณอันตราย เช่น ปวดท้อง ท้องแข็งสม่ำเสมอ เลือดออกทางช่องคลอด ลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน และสังเกตอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีไข้ ปัสสาวะแสบขัด

2. หากไม่สามารถไปฝากครรภ์ตามนัดได้ สามารถเลื่อนนัดได้ 1 สัปดาห์แต่หากเลยกำหนดควรหาทางไปพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ หรือติดต่อ 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ

3. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ธาตุเหล็ก และโฟเลต

4. รักษาสุขอนามัย ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังใช้ห้องน้ำ

5. ใช้น้ำสะอาดสำหรับดื่มและทำอาหาร

6. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก

สธ. ส่งทีม SEhRT ดูแลใกล้ชิด เฝ้าระวัง คนท้อง-เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเป็นพิเศษ

7. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด มีฝุ่น หรือเสียงดัง

8. เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินและคลอด เช่น ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไฟฉาย แบตเตอรี่ อาหารและน้ำ ยาประจำตัว อุปกรณ์ทำความสะอาด และวิตามินสำหรับหญิงตั้งครรภ์

9. เตรียม "ถุงคลอด" ที่มีของใช้จำเป็นสำหรับการคลอด เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าเด็ก และเรียนรู้วิธีการเจ็บท้องคลอดเบื้องต้น

10. การดูแลด้านจิตใจ ให้กำลังใจจากครอบครัวและชุมชน เพื่อความปลอดภัย