ปลัดสธ. เผย หาดใหญ่วิกฤติ ตั้งศูนย์พักพิง-ระดมทุกภาคส่วนช่วยปชช.

24 พ.ย. 2568 | 11:10 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2568 | 11:11 น.

ปลัดสธ. เผย สถานการณ์หาดใหญ่วิกฤติสุด น้ำท่วมสูงทุกอำเภอ เปิดศูนย์บัญชาการใหญ่ที่ค่ายเสนาณรงค์ ระดมเรือเร็ว-รถทหารช่วยผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางติดค้างในบ้าน เตรียมศูนย์พักพิง 4 จุดรองรับผู้ป่วยและประชาชน

KEY

POINTS

  • หาดใหญ่ประสบสถานการณ์น้ำท่วมหนักเข้าขั้นวิกฤต ทำให้ต้องมีการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
  • มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการที่ "ค่ายเสนาณรงค์" และเปิดศูนย์พักพิงหลายแห่งเพื่อรองรับประชาชนผู้ประสบภัย
  • ทุกภาคส่วนทั้งสาธารณสุข ทหาร เอกชน และมูลนิธิ ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบาง
  • กระทรวงสาธารณสุขจัดบริการทางการแพทย์ในศูนย์พักพิงทุกแห่ง และสนับสนุนยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แก่พื้นที่

24 พฤศจิกายน 2568 นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมทางไกลติดตามสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคใต้ ที่มี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานว่า ในส่วนของจังหวัดสงขลาซึ่งประสบสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนักในขณะนี้น้ำเริ่มสูงขึ้นในทุกอำเภอโดยเฉพาะหาดใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบมากได้มีการตั้งศูนย์พักพิงโดยมี "ค่ายเสนาณรงค์" เป็น "ศูนย์บัญชาการใหญ่"

การดูแลผู้ป่วยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชน และมูลนิธิ ใช้เรือเร็วเข้ารับผู้ป่วย กลุ่มเปราะบางที่ติดค้างในบ้านมาส่งยังรถทหารเพื่อนำส่งศูนย์พักพิงที่ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งรองรับได้ 1,000 คน และได้เตรียม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, มหาวิทยาลัยทักษิณกองทัพเรือ และ ค่ายเสนาณรงค์ ไว้รองรับผู้ป่วยและประชาชน

พร้อมทั้งจัดบริการทางการแพทย์ในศูนย์พักพิงทุกแห่ง โดยหน่วยงานสาธารณสุขได้ทำงานร่วมกับฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิด มีโรงพยาบาลสงขลาและโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นพี่เลี้ยงในการรับส่งต่อ

ส่วนยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลในพื้นที่ขณะนี้ยังมีเพียงพอ รวมทั้งส่วนกลางยังได้สนับสนุนยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กับพื้นที่สงขลา 8,000 ชุด นครศรีธรรมราช 500 ชุด ปัตตานี 1,000 ชุด ตรัง 1,000 ชุด สตูล 1,000 ชุด รวม 11,500 ชุด

ทั้งนี้ ภาพรวมมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี และยะลา หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบรวม 50 แห่ง

  • โรงพยาบาล 11 แห่ง
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 34 แห่ง
  • สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) 5 แห่ง

ในจำนวนนี้ต้องปิดบริการ 17 แห่ง ปิดบางส่วน 7 แห่ง และเปิดให้บริการตามปกติ 26 แห่ง

มีผู้เสียชีวิต 19 ราย สาเหตุส่วนใหญ่จากการจมน้ำ 13 ราย ไฟฟ้าดูด 4 ราย และดินถล่ม 2 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย และสูญหายอีก 1 ราย ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่ายังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่อง จึงยังต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง