นายกฯ เปิดอาคารผู้ป่วยนอก รพ.พิจิตร เพิ่มศักยภาพบริการปชช. ลดแออัด

21 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพิจิตร โดยมี นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหาร บุคลากรและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพิจิตร ร่วมพิธี

นายอนุทิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดของประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินงานสนองนโยบายอย่างเข้มแข็งโดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขพร้อมไปกับการยกระดับโรงพยาบาลให้เป็น Smart Hospital ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการให้บริการที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว

นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของ อสม. เพื่อเป็นกำลังหลักในชุมชนเชื่อมโยงงานบริการสาธารณสุขระหว่างโรงพยาบาลกับประชาชนอย่างใกล้ชิด เสมือนหมอประจำบ้าน

ด้านนายวรโชติ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า โรงพยาบาลพิจิตร เป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 400 เตียง รับผิดชอบประชากรเขตอำเภอเมืองและโรงพยาบาลชุมชนในเครือข่ายอีก 11 แห่ง และยังเป็นศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกให้กับนิสิตแแพทย์ชั้นปีที่ 4-6 ของมหาวิทยาลัยนเรศวร มีผู้ป่วยนอกเข้ารับบริการเพิ่มขึ้นจาก 3 แสนคน

ในปี 2558 เป็น 4 แสนคนในปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากศักยภาพการให้บริการการแพทย์เฉพาะทางที่ครอบคลุมทุกสาขา รวมถึงการเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายที่รับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลชุมชนทั้งในและนอกจังหวัด กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดสรรงบลงทุน ปีงบประมาณ 2566 สำหรับก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ทันตกรรม และพยาธิวิทยาคลินิก 5 ชั้น เพื่อรองรับการบริการที่เพิ่มขึ้น

โดยอาคารมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 8,530 ตารางเมตร ชั้นที่ 1 ให้บริการแผนกเทคนิคการแพทย์และพยาธิวิทยาคลินิก และแผนกผู้ป่วยนอกศัลยกรรมกระดูก ชั้นที่ 2 งานตรวจจุลวิเคราะห์ทางชีววิทยา ชั้นที่ 3 แผนกทันตกรรม ศูนย์ตรวจสุขภาพ Premium Clinic SMC ชั้นที่ 4 แผนกผู้ป่วยนอก ตา หู คอ จมูก และคลินิกเฉพาะทางอายุรกรรม และชั้นที่ 5 แผนกผู้ป่วยนอก สูติ-นรีเวชกรรม และกุมารเวชกรรมซึ่งช่วยลดปัญหาความแออัดของผู้รับบริการได้อย่างมาก

นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2569 โรงพยาบาลพิจิตรยังมีแผนก่อสร้างอาคารจอดรถและร้านอาหาร 5 ชั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่มารับบริการ รวมถึงเปิดห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด (Cath LAB) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการการแพทย์ขั้นสูงได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย