'อนุทิน' ยกระดับด่านหน้า พร้อมปั้น Smart อสม. 1 หมื่นคนทั่วประเทศ

21 พ.ย. 2568 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2568 | 05:10 น.

นายกฯ อนุทิน เปิดโครงการ 'อสม.เชื่อมต่อเทคโนโลยีสู่ชุมชน' ติวเข้มทั่วประเทศเสริมทักษะดิจิทัล พร้อมดันบทบาทใหม่เป็น ผู้ช่วยแพทย์ ย้ำ อสม. คือกำลังสำคัญทำให้ระบบสาธารณสุขไทยแข็งแกร่ง

KEY

POINTS

  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล เปิดโครงการยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สู่การเป็น "Smart อสม." โดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อบริการสาธารณสุขสู่ชุมชน
  • ตั้งเป้าหมายพัฒนาศักยภาพ อสม. จำนวน 10,000 คนทั่วประเทศให้มีความรู้และทักษะด้านดิจิทัล เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุข
  • มีการพัฒนาบทบาทใหม่ให้ อสม. เป็น "ผู้ช่วยแพทย์" ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย ผ่านการฝึกอบรมทักษะต่างๆ เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพประชาชนได้อย่างรอบด้าน

21 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพ อสม. สู่สาธารณสุขยุคพัฒนา "อสม.เชื่อมต่อเทคโนโลยีสู่ชุมชน" โดยมี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และ อสม. เข้าร่วม

นายอนุทิน นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้พบพี่น้อง อสม. อีกครั้ง เพราะเป็นกำลังหลักที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ตลอด 4 ปีที่ผ่านมายุคสาธารณสุขปัจจุบันเป็น "ยุคพัฒนา" อย่างแท้จริง ทั้งในแง่เทคโนโลยี การบริการ และบุคลากรซึ่งสอดคล้องกับชื่อของ รมว.สาธารณสุขคนปัจจุบัน "พัฒนา พร้อมพัฒน์" ที่มาพร้อมทีมงานคุณภาพและประสบการณ์สูง แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มี อสม. ที่อยู่เคียงข้างชุมชนและระบบสาธารณสุขไทย  

การจัดงานพบปะ อสม. แต่ละปี เป็นโอกาสรายงานผลการทำงานที่กระทรวงฯ และ อสม. ร่วมมือกันในทุกมิติ โดยเฉพาะการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ อสม. ซึ่งถือเป็น "หมอคนแรกของประชาชน" ที่ต้องพร้อมปรับบทบาทให้ทันสมัย ให้ข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ดีที่สุด

"วันนี้เรายกระดับ อสม. สู่ Smart อสม. แต่สำหรับผม พี่น้อง อสม. นั้นเท่อยู่แล้ว เก่งอยู่แล้ว ทำงานด้วยกันมาสี่ปี เห็นถึงความทุ่มเท ความเสียสละ และไม่มีใครมาทำให้ประชาชนสุขภาพแย่ได้ถ้า อสม. ยังยืนอยู่" นายอนุทิน กล่าว  

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า แม้ตนจะยืนพูดด้วยความตื่นเต้นจน "ขาสั่น" แต่คือความรู้สึกดีใจที่ได้พบ "นักรบร่วมแนวหน้า" สมัยโควิด-19 พร้อมย้ำว่า ในต่างประเทศอาจมีแพทย์ พยาบาล เภสัชกร แต่ไม่มีประเทศใดมีอาสาสมัครสาธารณสุขแบบไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญทำให้ระบบสาธารณสุขไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลก

ทั้งรัฐบาลเดินหน้า "หมอไม่ล้า – ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการผ่านเทคโนโลยี" โดยต้องอาศัย อสม. เป็นผู้เชื่อมหมอกับประชาชน โดยเฉพาะในสังคมสูงวัย โรคเรื้อรัง และภาวะพึ่งพิงที่เพิ่มขึ้นซึ่ง อสม. ต้องมีบทบาทสำคัญทั้งด้านการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบทบาทใหม่ให้ อสม. เป็น "ผู้ช่วยแพทย์" ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย ผ่านการฝึกอบรมทักษะต่าง ๆ เพื่อสามารถนำความรู้ไปดูแลประชาชนได้อย่างรอบด้าน

"โครงการเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชนและ อสม. เอง สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้ประเทศ และเสริมคุณภาพชีวิตของ อสม. ในยุคใหม่ พร้อมย้ำว่า ระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็งเพราะมี อสม.อยู่ในทุกหมู่บ้าน "เมื่อขับเคลื่อนก็เดินหน้าได้พร้อมกันทั้งระบบ แม้อาจมีสะดุดบ้าง แต่ไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวัง" นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมต่อยอดให้ อสม. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นแกนนำในการพัฒนาสุขภาพอนามัย พัฒนาคุณภาพ ชีวิตในชุมชน ด้วยหลักการ "ป้องกัน ก่อนป่วย" โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างเสริมสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคให้กับพี่น้องในชุมชน สื่อสารข้อมูลข่าวสารด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนมีความรู้ด้านสุขภาพ ตลอดจนมีการพัฒนาและฝึกอาชีพ สร้างความมั่นคงของ อสม. ยุคใหม่ ด้วยการเป็นผู้ช่วยแพทย์ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทยโดยมีการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ เชื่อว่าโครงการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางสุขภาพให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย และความมั่นคงในคุณภาพชีวิต ให้กับ อสม. ทุกคนด้วย

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) ว่า รัฐบาลต้องการเพิ่มรายได้ประเทศผ่านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) เพราะประเทศไทยมีพื้นฐานระบบบริการทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว "ป่วยที่ไหนก็ได้ แต่อย่าไปป่วยต่างประเทศ เพราะการเอาใจใส่ระบบสาธารณสุขไม่มีใครสู้ประเทศไทยได้

นี่คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามหันหัวเรือใช้ความเข้มแข็งที่มีอยู่แปลเปลี่ยนเพิ่มมูลค่าเพิ่มโอกาสและทำให้ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่น เชื่อถือ และสิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็งมากที่สุดคือระบบการสาธารณสุขและการให้บริการทางการแพทย์ สิ่งที่ไปพูดที่ไหนคนทั้งโลกก็ไม่มีใครสงสัย จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอยากเข้ามารับบริการสาธารณสุขที่ประเทศไทย" นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นายพัฒนา รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้คนไทยทุกช่วงวัยเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ส่งเสริมและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพให้คนไทยมีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี โดยมี อสม. กว่า 1 ล้านคน ทั่วประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน โดยในวันนี้มีการถ่ายทอดนโยบาย "หมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการ ผ่านเทคโนโลยี" ของกระทรวงสาธารณสุข ให้ อสม. นำไปสู่การปฏิบัติ

นอกจากนั้นเน้นการพัฒนาศักยภาพ อสม. ให้สามารถใช้เทคโนโลยีด้านบริการสาธารณสุข ทั้งหมอพร้อม การนัดหมายออนไลน์ การแจ้งเตือนออนไลน์ รวมถึงส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ สามารถประเมินสุขภาพและความเสี่ยงสุขภาพรายบุคคลแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีทักษะในการคัดกรองประเมินสุขภาพของประชาชนในชุมชน