18 พฤษภาคม 2568 คณะอนุกรรมการตรวจสอบ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดย นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลาและนางนพรัตน์ พรหมนารท อนุกรรมการตรวจสอบ พร้อมด้วย นางสุมลรัตน์ ดอกเขียว ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ และคณะฯ ร่วมลงพื้นที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพ เขต 4 สระบุรี (สปสช. เขต 4 สระบุรี) โดยมี นพ.สาธิต ทิมขำ ผอ.สปสช.เขต 4 สระบุรี และเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลการดำเนินงาน พร้อมเดินทางติดตามการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ที่โรงพยาบาลวิหารแดง อ.วิหารแดง จ.สระบุรี
สำหรับปีงบประมาณ 2568 พบข้อมูลการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการที่ค้างในระบบจนส่งผลต่อสภาพคล่อง มีนพ.ประสิทธิชัย มั่งจิตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วย พญ.พรพิมล หนูโทน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิหารแดง และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้ข้อมูลดังกล่าว
จากข้อมูลการตรวจสอบการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการฯ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิสำนักตรวจสอบ เบื้องต้น พบการบันทึกบัญชีรายการการจ่ายชดเชยในบางประเภทที่ไม่สอดคล้องกับประเภทการจัดสรรเงิน
นอกจากนี้ยังพบประเด็นการนำรายได้ที่ได้รับ กรณี Fee schedule ของบริการผู้ป่วยนอก (OP) และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP) ไปตัดจากค่าเหมาจ่ายรายหัว รวมถึงการบันทึกการเบิกราคาค่าบริการและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต่ำกว่าราคาเบิกจ่าย ส่งผลให้งบการเงินของโรงพยาบาลมีรายได้ต่ำ ไม่สมดุลกับการให้บริการ
นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า หลังรับทราบปัญหาขัดข้องการเบิกจ่ายของโรงพยาบาลวิหารแดง ในฐานะตัวแทนอนุกรรมการฯ พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบจึงมาตรวจสอบปัญหาและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลเพื่อนำไปสู่การแก้ไข เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาเทคนิคด้านการเงินการบัญชีและไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลวิหารแดงเพียงแห่งเดียว เนื่องด้วยการบันทึกการเบิกจ่ายมีหลายระบบและมีรายละเอียดมากซึ่งก็น่าเห็นใจ ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานเองก็อาจมีความอาวุโสไม่มาก ดังนั้น จึงควรต้องมีการสังคายนาระบบบันทึกการเบิกจ่ายใหม่ เพื่อทำให้เกิดการใช้งานที่ง่าย มีความกระชับและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
ประเด็นการเบิกจ่ายของโรงพยาบาลที่ติดขัดและเป็นอุปสรรค จะได้นำไปสู่การแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจากที่รับทราบเบื้องต้น สาเหตุเกิดจากความไม่เข้าใจและนำไปสู่การบันทึกข้อมูลการเบิกจ่ายในระบบที่ไม่ถูกต้อง ผิดหมวดรายการ นอกจากนี้มีบริการอีกหลายรายการที่ยังไม่ได้มีการทำเบิก ทำให้เงินโรงพยาบาลที่ควรได้รับติดค้างในระบบ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์กองทุนบัตรทอง ดังนั้นประเด็นต่างๆ ที่พบในวันนี้จะได้เสนอต่อประธานบอร์ด สปสช. และเลขาธิการ สปสช. เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในเชิงระบบโดยภาพรวมต่อไป
นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขว่า จะต้องมีการพูดคุยกันทั้ง สปสช. กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งในส่วน สปสช.เขต และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อร่วมมือในการพัฒนาระบบการเบิกจ่ายควบคู่กับการยกระดับองค์ความรู้ในระบบการเบิกจ่ายฯ ให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มงานประกัน การเงิน การบัญชีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี จากประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ เชื่อว่าโรงพยาบาลในระบบบัตรทองทั่วประเทศก็น่าจะประสบปัญหาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่จะต้องเข้าดูในส่วนของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) ด้วย หากมีปัญหาจะได้สร้างความรู้ความเข้าใจและเป็นการแก้ปัญหาในคราวเดียวกัน
ด้านนางนพรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลที่รับฟังนี้เกิดจากปัญหาความไม่เข้าใจและความไม่รู้ในการบันทึกและส่งข้อมูลเบิกจ่าย ประกอบกับขาดการสื่อสารระหว่างผู้ปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งระบบการเบิกจ่ายนี้เป็นระบบที่ใหญ่ที่มีรายละเอียดมาก ทั้งยังมีหลากหลายระบบ โดยก่อนหน้านี้จากการลงพื้นที่โรงพยาบาลโชคชัย จ.นครราชสีมาก็พบปัญหาเช่นเดียวกัน
ดังนั้น แนวทางแก้ไขจะต้องมีการสื่อสารถึงวิธีและขั้นตอนการบันทึกข้อมูลเบิกจ่ายที่ถูกต้อง พร้อมการจัดอบรม (Workshop) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์และวิธีการบันทึกข้อมูลเบิกจ่ายและบัญชี มีการจัดทำ Flow chart คู่มือ รวมถึงแนวทางการช่วยแก้ไขปัญหาหากการเบิกจ่ายติดค้างในระบบ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้โรงพยาบาลเกิดปัญหาการสะสมจนส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง
"ดังนั้น ทางออกจะต้องมีตัวอย่างของรูปแบบในการแก้ไขปัญหาและขยายรูปแบบนี้ไปยังเขตต่างๆ ดังนั้นอยากให้โรงพยาบาลวิหารแดงและ สปสช.เขต 4 สระบุรีเป็นโมเดลต้นแบบในเรื่องนี้ พร้อมประสานกับส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งฝั่งกระทรวงสาธารณสุข สปสช. เพื่อแก้ปัญหานี้ให้กับโรงพยาบาลอย่างเป็นระบบ" นางนพรัตน์ กล่าว
นพ.ประสิทธิชัย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระดับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขและ สปสช. ซึ่งในกรณีของระบบการลงบันทึกข้อมูลบริการและการเบิกจ่ายที่ไม่ตรงกัน ทำให้ระดับปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องทำงานหนักมากขึ้นและเบิกจ่ายเงินได้ยากขึ้น รวมถึงความไม่พร้อมของส่วนกลางเอง เมื่อพื้นที่เกิดปัญหาติดขัด ส่วนกลางก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันที จนทำให้เกิดความล่าช้าออกไปและสะสม
ขณะเดียวกันในด้านการเงินและบัญชีทางส่วนกลางก็ต้องการความถูกต้องที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การยืนยันตัวตนใช้สิทธิและปิดก็ต้องการความปลอดภัยสูงสุดที่ต้องมีกระบวนการและคนทำงานเพิ่ม รวมไปถึงนโยบาย OP Anywhere จะชัดเจนว่าพื้นที่ต้องทำถึงระดับไหน เพราะที่ผ่านมาพื้นที่คิดว่าเมื่อให้บริการแล้วเงินจะมาด้วย แต่เงินกลับไม่มา ตรงนี้ต้องคุยกัน
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้น มองว่าระดับเขตยังสามารถแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง โดยใช้โครงสร้างที่มี ทั้งผู้ตรวจกระทรวงระดับเขต สสจ. สปสช.เขต และคณะกรรมการ 5X5 (คณะทำงานเพื่อกำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของหน่วยบริการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขระดับเขต) รวมทั้งส่วนกลางเองจะต้องส่งทีมมาช่วยในการปรับระบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับพื้นที่และการตรวจสอบที่เหมาะสมที่ไม่สร้างภาระงานมากเกินไป ไม่เช่นนั้นอนาคตปัญหาก็จะหนักมากขึ้น
"การทำโมเดลเพื่อแก้ไขปัญหา หากจะนำร่องที่ สปสช. เขต 4 สระบุรี ต้องมาช่วยกันดูว่าจะวางระบบกันแบบไหนอย่างไรจึงจะเหมาะ เพื่อให้เป็นข้อมูลส่งกลับไปในการวางโมเดลระดับประเทศ ที่ตอบโจทย์แก้ไขในเชิงระบบได้ ซึ่งหากไม่ทำในอนาคตปัญหานี้ก็จะหนักหน่วงกว่าเดิม นอกจากนี้ควรจัดทำคู่มือการลงบันทึกข้อมูลในระบบ เพื่อที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้ทำได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการส่งข้อมูลเบิกจ่ายกลับเพื่อให้โรงพยาบาลได้รับรู้" รอง สสจ.สระบุรี กล่าว
ขณะที่ นพ.สาธิต กล่าวว่า เขตยินดีเป็นเจ้าภาพในการสร้างโมเดลการบริหารจัดการบัญชี การลงบันทึกข้อมูลและการเบิกจ่ายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่ความสามารถการบัญชีของเขตมีจำกัดต้องอาศัยส่วนกลางมาช่วยวางโมเดลและดำเนินการ หากเราทำและสามารถแก้ปัญหาภายในเขตได้ก็จะขยายไปยังเขตอื่น ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ พญ.พรพิมล รายงานสถานการณ์โรงพยาบาลว่า รพ.วิหารแดงมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เครือข่ายในพื้นที่ 7 แห่ง มีประชากร 41,392 คน ร่วมดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองและดำเนินการตามนโยบายทั้งผู้ป่วยนอกไปที่ไหนก็ได้ (OP Anywhere) และบัตรประชาชนใบเดียว (One ID) สถานการณ์การเบิกจ่ายการบริการสิทธิบัตรทองปีงบประมาณ 2567 เงินที่โรงพยาบาลได้รับการเบิกจ่ายเริ่มต่ำกว่าจำนวนบริการที่ได้เรียกเก็บ
ในปีงบประมาณ 2568 เงินที่ได้รับการเบิกจ่ายชดเชยมีจำนวนต่ำกว่าการเรียกเก็บอย่างมาก โดยบริการข้ามเขต รพ.ได้เรียกเก็บค่าบริการที่ จำนวน 173.01 ล้านบาท ได้รับการจ่ายชดเชย จำนวน 65.76 ล้านบาท บริการข้ามจังหวัด จำนวนการเรียกเก็บ จำนวน 70.23 ล้านบาท ได้รับการจ่ายชดเชย จำนวน 24.85 ล้านบาท และบริการในจังหวัดการเรียกเก็บ จำนวน 666.64 ล้านบาท
ทั้งนี้ โรงพยาบาลติดปัญหาการเบิกจ่าย ด้วยต้องส่งข้อมูลจำนวนมากในระบบ Financial Data Hub (FDH) ที่ได้เริ่มในปี 2567 และถูกชะลอการจ่ายต่อเนื่อง เนื่องจากติดเงื่อนไขการเบิกจ่าย ขณะที่การสอบถามข้อมูลเพื่อทำการแก้ไข คำตอบที่ได้รับขาดความชัดเจน ไม่ตรงจุด ส่งผลให้การแก้ไขข้อมูลมีปัญหาด้วยเช่นกัน จึงทำให้ค่าบริการจำนวนหนึ่งยังไม่สามารถเบิกได้จนเกิดปัญหาสภาพคล่องและกระทบต่อการโอนงบประมาณไปยัง รพ.สต.