การแข่งขันในตลาดยาดมสมุนไพรของไทยกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ที่ร้อนแรงกว่าที่เคย จากผลิตภัณฑ์พื้นบ้านสู่ไลฟ์สไตล์ไอเทมที่ผู้บริโภควัยรุ่นและคนเมืองเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ด้วยมูลค่าตลาดที่แตะระดับ 4,500 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและการสื่อสารแบรนด์รูปแบบใหม่
นางสาวนิชา สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด เปิดเผยว่า อ้วยอันโอสถ แบรนด์สมุนไพรเก่าแก่กว่า 70 ปี เดินเกมรุกตลาดยาดมสมุนไพรภายใต้แบรนด์ “มังกรทอง” ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “คู่ซี้มียัง?” โดยผนึกการทำตลาดแบบแพ็กคู่ ทั้งยาอมสมุนไพรและยาดมสมุนไพร พร้อมใส่คาแรกเตอร์น่ารักและช่องทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้ง TikTok, IG, Facebook และป้ายโฆษณาตามจุดไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อรีเฟรชภาพลักษณ์แบรนด์และเพิ่มการเข้าถึงคนรุ่นใหม่
“อ้วยอันฯ ไม่ได้เพิ่งเกิด เราอยู่มานาน แต่วันนี้เรากำลังสร้างการรับรู้ใหม่ว่าแบรนด์สมุนไพรแบบเราก็ทันสมัย เข้าถึงง่าย และปลอดภัย”
ปัจจุบันอ้วยอันโอสถ มีสินค้าสมุนไพรกว่า 100 SKU และมีแบรนด์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น ยาฟ้าทะลายโจร ยาอมสมุนไพร ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก เป็นต้น ภายใต้แบรนด์ Herbal One, Mr. HERB และ “แบรนด์มังกรทอง” ที่ก่อตั้งมานานกว่า 36 ปี จึงไม่ใช่หน้าใหม่ในตลาดยาสมุนไพร ซึ่ง Hero Product ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ‘ยาอมสมุนไพร’หลากหลายรสชาติ
“ปัจจุบันกระแสนิยมของสมุนไพรในกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีมุมมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์และทันสมัย ไม่ใช่ของล้าสมัยอีกต่อไป นอกจากกระแสความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว บุคคลมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ทั้งดาราและศิลปิน ยังมีบทบาทในการจุดกระแสให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรกลายเป็นไอเทมที่ต้องมีติดกระเป๋า
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ขยับตัวแรงในตลาดยาดมสมุนไพร ได้แก่ “บ้านหมอละออง” แบรนด์สมุนไพรไทยที่จับมือกับ “ซีเอ็ด” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ยาดมพี่ชาย SIZE BIG” ด้วยจุดขายเรื่องขนาดใหญ่ กลิ่นสมุนไพรชัด ใช้ได้นาน และเลือกใช้ดาราชื่อดัง “ชาย–ชาตโยดม” มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ สะท้อนแนวทางสร้างความแตกต่างผ่านบุคลิกแบรนด์และความเชื่อมโยงกับผู้บริโภคที่ต้องการไลฟ์สไตล์แอนด์เฮลท์ในแบบเดียวกัน
จากข้อมูลของ Euromonitor พบว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 5 หมื่น ล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวถึง 59,500 ล้านบาทภายในปี 2569 โดยเฉพาะในกลุ่มยาดม ยาอม และผลิตภัณฑ์ใช้บรรเทาอาการทั่วไป มีความนิยมสูงขึ้นมากในหมู่คนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ “ไม่เชย ใช้ง่าย ปลอดภัย” ประกอบกับการปรับกลยุทธ์ของผู้เล่นในตลาดที่พุ่งเป้าไปยัง “คอนเทนต์+คาแรกเตอร์” เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและความจดจำ
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา “ไอเทมแพ็กคู่” ของอ้วยอัน หรือการเปิดตัว “SIZE BIG” พร้อมดาราของบ้านหมอละออง ต่างแสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนตลาดยาดมไทยให้เข้าสู่ยุคใหม่ ที่ “กลิ่น” และ “คาแรกเตอร์” กลายเป็นจุดขายสำคัญเหนือกว่าแค่เรื่องสรรพคุณ
สำหรับทิศทางในระยะต่อไป ตลาดยาดมสมุนไพรยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะหากสามารถขยายฐานผู้ใช้ในกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียน และกลุ่มสายสุขภาพในเมือง ที่เริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ “ทางเลือก” แทนลูกอม หมากฝรั่ง หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งแบรนด์ใดที่เข้าใจ “อินไซต์” ผู้บริโภคมากกว่าและสร้างแบรนด์ได้โดนใจ อาจกลายเป็นผู้เล่นนำในตลาดที่ดูเล็กแต่กำลังโตอย่างรวดเร็วนี้