23 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 2/2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
ที่ประชุมมีมติรับทราบผลการขับเคลื่อนนโยบายการปกป้องและคุ้มครองเด็ก เยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมกันดำเนินการ พร้อมทั้งยังให้ข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ายังน่าเป็นห่วงและจะส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา ภายใต้ความร่วมมือกันของหน่วยงานหลายภาคส่วน ซึ่งในส่วนของดีอีเองนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2567 – มี.ค. 2568 ได้ดำเนินการปิดกั้นสื่อออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 9,500 รายการ
ในฐานะ รมว.ดีอี จะขอรับไปดำเนินการเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น อย่างแรก คือ จะต้องมีมาตรการกำกับดูแลบริษัทขนส่งเพิ่มเติม เพื่อควบคุมการขนส่งพัสดุผิดกฎหมายให้มากขึ้น
อีกส่วน คือ การเดินหน้าปิดกันสื่อออนไลน์ แม้ที่ผ่านมาจะดูเหมือนปิดไปเยอะ แต่ก็มีการเปิดใหม่ขึ้นมาอยู่ตลอด คิดว่าต่อไปจะต้องเรียกแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกแห่งมาพบแล้วใช้เอไอเป็นเครื่องมือกวาดจับทั้งหมด ไม่ว่าคำหรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าเพราะถึงปิดไปก็มีการเปิดใหม่อยู่ตลอดเวลา คิดว่า เป็นอีกส่วนที่ต้องช่วยกันในเรื่องนี้เพราะรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเองก็ให้ความสำคัญในการปราบปรามอย่างจริงจัง นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายการปกป้องและคุ้มครองเด็ก เยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าของ สช. และภาคีเครือข่ายมีความคืบหน้ามาเป็นลำดับ นับตั้งแต่ที่ มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น "การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า" ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม คสช. เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567 ซึ่งปัจจุบัน สช. อยู่ระหว่างนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบและเห็นชอบ 5 มาตรการสำคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ตามข้อเสนอของมติสมัชชาสุขภาพฯ ดังกล่าว
ขณะที่การดำเนินงานในส่วนของ สช. ที่ผ่านมา อาทิ สนับสนุนการขับเคลื่อนการป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านกลไกเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในระดับพื้นที่ เพื่อพัฒนาแผนงานและกลยุทธ์การดำเนินงานที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละเขต รวมถึงการพัฒนาชุดข้อมูล รณรงค์ให้ความรู้ การเฝ้าระวัง และการบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่น โดยมีพื้นที่ดำเนินการในระยะแรก จำนวน 8 เขตพื้นที่ ครอบคลุมทุกภาค
รวมไปถึงการร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการพัฒนาและขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษาตามกรอบธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ซึ่งจะสนับสนุนให้สถานศึกษาในพื้นที่พิจารณาประเด็นปัจจัยเสี่ยงยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า เป็นความสำคัญในลำดับต้น เป็นต้น
นอกจากนี้แผนการดำเนินงานของ สช. ทั้งการขับเคลื่อนผ่านกลไก กขป. และธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ยังได้ถูกระบุอยู่ในยุทธศาสตร์หนึ่งของ (ร่าง) แผนปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาวตามนโยบายรัฐบาล (ฉบับล่าสุดวันที่ 4 เม.ย. 2568) ที่ประกอบไปด้วยแผนปฏิบัติการ 3 ยุทธศาสตร์ 6 มาตรการ 141 แผนปฏิบัติการอีกด้วย