KEY
POINTS
พญ. สุรางคณา วีระนาวิน Medical Director, Aesthetic and Dermatology Medical Institute (ADMI) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมความงามของไทยกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตลาดธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามในไทยปี 2568 มีมูลค่าราว 75,200 ล้านบาท
แม้เศรษฐกิจภาพรวมดูเหมือนจะชะลอตัวลง แต่กลุ่มธุรกิจความงาม สกินแคร์ และอาหารเสริม กลับโชว์ฟอร์มแกร่งด้วยอัตราการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวถึง 30-40%
โดยความนิยมการทำศัลยกรรมและความงามแบบผ่าตัดในไทย ยังคงได้รับความนิยมและมีสัดส่วนการใช้บริการสูงถึง 74% ส่วนความนิยมการทำศัลยกรรมและความงามในไทยแบบไม่ผ่าตัดมีสัดส่วนอยู่ที่ 26% และยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีความต้องการด้านการชะลอวัย
เรียกได้ว่าเทรนด์ความงามที่มาแรงที่สุดในขณะนี้คือ Anti-aging หรือการทำให้ดูเด็ก ทั้งในส่วนของรูปหน้าและงานผิว โดยเฉพาะเรื่องผิวที่เน้นความอิ่มฟู สุขภาพดี และการกระตุ้นคอลลาเจน ขณะที่การทำหัตถการแบบไม่ผ่าตัด เช่น การฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ มีสัดส่วนความต้องการสูงมาก เนื่องจากผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเข้าถึงได้มากขึ้น
“การใช้จ่ายในอุตสาหกรรมความงามถือว่าสูงมาก สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มมีบุตรน้อยลง ส่งผลให้มีงบประมาณในการดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนแรงหนุนของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของลูกค้าชาวต่างชาติ (Medical Tourist) ซึ่งบริการด้านเสริมความงามได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับ 2 ของบริการทางการแพทย์”
พญ. สุรางคณา กล่าวว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองแบบองค์รวม ทั้งการดูแลจากภายในและการเสริมความงามจากภายนอก แม้การเติบโตอุตสาหกรรมความงามของประเทศไทยจะมีแนวโน้มที่น่าจับตา แต่ยังมี Pain Point ที่สำคัญคือการขาดแคลนบุคลากรแพทย์คุณภาพ
ดังนั้น ADMI ในฐานะสถาบันฝึกอบรมแพทย์ ที่มีเป้าหมายการถ่ายทอดความรู้ด้านผิวหนังและความงามแบบครบวงจร เล็งเห็นโอกาสสำคัญในการสร้างบุคลากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตรฐานสากล จึงได้ยกระดับมาตรฐานของสถาบันสู่การเป็น ‘Regional Training Center ศูนย์ฝึกอบรมเวชศาสตร์ความงามระดับเอเชีย’
โดยได้รับการรับรองจาก American Board of Aesthetic Medicine and Cosmetic Surgery (ABAMCS) สหรัฐอเมริกา และการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Korean College of Cosmetic Surgery & Medicine (KCCS) ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบนิเวศความงามไทยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ประกอบด้วย บุคลากร การรักษา การวิจัย การเลือกใช้นวัตกรรม ไปจนถึงการให้บริการที่ปลอดภัยแก่ผู้รับบริการในประเทศและลูกค้าต่างชาติ ตอกย้ำความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางความงามระดับเอเชีย และเป็นพื้นฐานของ Medical & Wellness Hub ไทยในอนาคต
การยกระดับ ADMI สู่ Regional Training Center ศูนย์ฝึกอบรมเวชศาสตร์ความงามระดับเอเชีย ไม่เพียงช่วยลดช่องว่างด้านจำนวนและคุณภาพของบุคลากรทางการแพทย์ แต่ยังทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของระบบสุขภาพและความงามของประเทศไทยในระยะยาว รองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ช่วยดันไทยสู่ Medical Tourism Hub ระดับโลก จากศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ไทยที่มีความเชี่ยวชาญและมีความละเอียดอ่อน (Soft Touch) มากกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเกาหลีใต้ ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสสูงที่จะก้าวขึ้นเป็น Medical Tourism Hub โดยเฉพาะจากลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูงจาก สิงคโปร์ จีน และตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นระบบ จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ธุรกิจข้างเคียงได้ เช่น โรงแรมและร้านอาหารได้อย่างมหาศาล แต่การขาดการสนับสนุนจากภาคเอกชนและภาครัฐในบางมิติ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ยังต้องจับตามอง เพราะหากสามารถปลดล็อกจุดนี้ได้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามไทยจะเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่
นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ Marketing Director, Doctor Skin Laboratories Co., Ltd. กล่าวว่า อุตสาหกรรมความงามขับเคลื่อนด้วยหลายปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะ เทคโนโลยี นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่แพทย์และคลินิกทั่วประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในด้านมาตรฐานสากล ความปลอดภัย และหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้จริง
ADMI จึงขยายบทบาทสู่การเป็นผู้เล่นในตลาด B2B อย่างเป็นทางการ ผ่านการเปิดตัวกลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ Aesthetic Solution Groupและ Aesthetic Pharmaceuticals ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการรักษาให้กับคลินิกทั่วประเทศ รวมทั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Yeonica Skin Booster นวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดูแลผิวในปัจจุบัน
คาดว่าการขยายสู่ตลาด B2B จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ของ ADMI จากการเข้าถึงเซกเมนต์ที่มีความมั่นคงสูง อาทิ คลินิกระดับพรีเมียมในประเทศ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourist) ตลอดจนผู้ใช้บริการศักยภาพใหม่ อาทิ กลุ่ม LGBTQIA+ คนรุ่นใหม่ ซึ่งล้วนเป็นฐานตลาดที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ ADMI ก้าวสู่การเป็นผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรมความงามยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง
นายซึงวอน แพค CEO, KM Pharmaceutical Co., Ltd. กล่าวว่า ตลาดความงามของประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพและน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การร่วมมือกับ ADMI ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานและก้าวสู่การเป็น Regional Training Center นั้น จะเป็นการผสานความเชี่ยวชาญด้านมาตรฐานการฝึกอบรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้ากับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
เป็นจุดแข็งของ KM Pharmaceutical เพื่อมอบทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้มากยิ่งขึ้น และการยกระดับ ADMI สู่ศูนย์ฝึกอบรมเวชศาสตร์ความงามระดับเอเชีย และการเปิดตัวกลุ่มธุรกิจใหม่ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเวชศาสตร์ความงามอย่างครบวงจร ตอกย้ำความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น Hub of T-Beauty Destination ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดในภูมิภาคเอเชีย