8 ธันวาคม 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการรับมือของโรงพยาบาล (รพ.) บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีเหตุปะทะความรุนแรงขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้นำเอาแผนเดิมในการรับมือการปะทะความรุนแรงเมื่อครั้งที่ผ่านมานำมาปรับใช้ โดยแบ่งพื้นที่ความเสี่ยงเป็น 3 โซนหลัก คือ สีแดง ระยะห่างจากเกตุปะทะ 20 กิโลเมตร สีส้ม ห่างออกมา 50 กิโลเมตร และ สีส้ม ห่างออกมา 100 กิโลเมตร
โดยขณะนี้มีการอพยพผู้ป่วยใน รพ.พื้นที่สีแดงแล้วใน 4 จังหวัด เช่น จ.อุบลราชธานี ใน รพ.น้ำขุน รพ.น้ำยืน และ รพ.นาจะหลวย, จ.ศรีสะเกษ ใน รพ.กันทรลักษ์, จ.สุรินทร์ ใน รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และ จ.บุรีรัมย์ ใน รพ.ละหานทราย และ รพ.บ้านกรวด ทั้งนี้ ทาง สธ. จะต้องดูตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว
นายพัฒนา กล่าวต่อว่า การอพยพผู้ป่วยในพื้นที่สีแดงออกมานั้น ได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา รพ.กันทรลักษณ์ อพยพมามากที่สุดประมาณ 120 ราย ไปอยู่ที่ รพ.ปลอดภัย และให้ผู้ป่วยอาการเล็กน้อย 120 กว่าราย กลับบ้าน ที่เหลือก็จะมีกระจายไปที่ รพ.ชุมชนที่ปลอดภัย
ส่วนการส่งแพทย์ลงพื้นที่ต้องประเมินความปลอดภัยก่อนในการทำงานของแพทย์ แต่เบื้องต้นก็มีทีมแพทย์ในพื้นที่ ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์เคลื่อนที่เร็วระดับอำเภอ (Mini MERT) ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์โดยเฉพาะ (MERT) และ ทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ลงพื้นที่ไปสนับสนุน
นายพัฒนา รมว.สธ. กล่าวว่า ข้อมูลการบาดเจ็บของพลเรือนในประเทศไทย ยังไม่มีรายงานเข้ามาจากในพื้นที่ โดยวันนี้เวลา 15.00 น. ตนจะเข้าประชุมร่วมกับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการโรงพยาบาลในแต่ละแห่ง เพื่ออัพเดทข้อมูล แล้ววางมาตรการที่เข้มข้นขึ้น รองรับสถานการณ์ที่อาจจะมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะการทำงานต้องสอดคล้องกับการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายทหาร
นายพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้มีการสั่งอพยพประชาชนไปที่ศูนย์อพยพชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่ง สธ. มีการเตรียมความพร้อมจากรอบที่แล้วมาระดับหนึ่ง ทั้งยา เวชภัณฑ์ รงมถึงอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับศูนย์อพยพ ซึ่งขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเปิดรับบริจาคจากนอกพื้นที่
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวระบุว่า รพ.ในบุรีรัมย์และสนามบินเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี นายพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากในพื้นที่ ว่าเป็นเป้าหมายจริงหรือไม่ เพราะตามข่าวที่ระบุว่า รพ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นเป้าหมาย แต่จริงๆ รพ.อยู่ห่างจากชายแดนประมาณโซนสีชมพู ซึ่งอยู่ในโซนที่อพยพอยู่แล้ว
ถามต่อว่า สธ.ในฐานะหน่วยงานทางการแพทย์ จะต้องออกแถลงการณ์เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากสงครามตามหลักสากลหรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า ต้องรอดูส่วนกลางก่อนว่าส่วนกลางจะแอคชั่น (Action) ในระดับใด ซึ่งจะมีเกณฑ์ตามระดับความรุนแรงของกระทรวงการต่างประเทศอยู่ อย่างระดับความตึงเครียดจากเหตุปะทะครั้งก่อน อยู่ในระดับสูงมากแล้ว ดังนั้น การออกแถลงการณ์ประนามต่างๆ จะขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ
"แต่ผมก็ได้คิดไว้อยู่เหมือนกันว่านอกจากการรักษาโรคแล้วการแสดงออกถึงจุดยืน ต้องแสดงอย่างไรบ้าง แต่ขอให้ระดับบนแสดงก่อนในระดับหนึ่ง ถ้ากัมพูชามองหน่วยการให้พยาบาลเป็นเป้าหมาย ก็จะยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่มีข้อตกลงกันอยู่ จะปฏิบัติกันได้หรือ" นายพัฒนา กล่าว