สปสช. ดัน 'นพรัตน์โมเดล' ทางออกบัตรทอง กทม.ตะวันออก ไม่ต้องขอใบส่งตัว

04 ธ.ค. 2568 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ธ.ค. 2568 | 05:35 น.

เลขาธิการ สปสช. เผยความคืบหน้า 'นพรัตน์โมเดล' ระบบบริหารจัดการผู้ป่วยบัตรทอง ใช้ รพ.นพรัตน์ เป็นเจ้าภาพดูแลคน กทม.โซนตะวันออก แก้ปัญหาใบส่งตัว การเข้าถึงบริการ

KEY

POINTS

  • สปสช. ผลักดัน "นพรัตน์โมเดล" ให้โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีเป็นแม่ข่ายหลักในการดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองในพื้นที่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก
  • ผู้ป่วยในเครือข่ายสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการปฐมภูมิและโรงพยาบาลที่เข้าร่วมได้โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยาก
  • รูปแบบการทำงานจะคล้ายกับระบบประกันสังคม โดยโรงพยาบาลแม่ข่ายจะเป็นผู้บริหารจัดการงบประมาณและการส่งต่อผู้ป่วยเอง

จากกรณีปัญหาการรับบริการของผู้ป่วยบัตรทอง หรือ บัตรทอง 30 บาทที่ประสบปัญหาเรื่องของใบส่งตัวโดยเฉพาะคนในพื้นที่ กทม.นั้น 

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงแนวทางการจัดทำ "นพรัตน์โมเดล" ในพื้นที่กรุงเทพโซนตะวันออกเพื่อแก้ไขปัญหาระบบบัตรทอง โดยมี รพ.นพรัตนราชธานี เป็นหลักในการบริหารจัดการเงิน การส่งตัวการบริการว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาโดยคณะทำงานได้ทำงานมาแล้วระยะหนึ่ง

" เท่าที่ทราบล่าสุดซึ่ง นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ได้ลงมาดูแลด้วยตนเอง รวมทั้ง นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ขอมติ บอร์ดสปสช. ที่จะให้กระทรวงสาธารณสุขลงมาเป็นเจ้าภาพร่วมกับทั้ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. และ สปสช. ในการแก้ปัญหาทั้งเรื่องปัญหาใบส่งตัวและการเข้าถึงบริการของคนในพื้นที่" นพ.จเด็จ เลขาธิการ สปสช. ระบุ 

นพ.จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า โมเดลนี้จะคล้ายกับประกันสังคม คือ โรงพยาบาลขนาดใหญ่รับเป็นเจ้าภาพในการดูแลประชากร ซึ่งจำนวนที่ดูแลก็จะมากขึ้นหน่วยบริการเครือข่ายก็ต้องสร้างเครือข่ายร่วมกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่เท่าที่ดูรายละเอียดสำหรับประชาชนถ้าอยู่ในเครือข่าย เมื่อไปรับบริการในหน่วยปฐมภูมิ หน่วยประจำ หรือ โรงพยาบาล ก็จะถือว่าอยู่ในเครือข่ายก็ไม่จำเป็นต้องมีใบส่งตัวเป็นจุดที่เชื่อว่า จะช่วยแก้ปัญหาการถูกเรียกกลับไปขอใบส่งตัวซึ่งเชื่อว่า ประชาชนน่าจะได้ประโยชน์ 

เมื่อถามถึงแนวโน้มการนำ "นพรัตน์โมเดล" จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่เนื่องจาก รพ.นพรัตน์ ขอเวลาเตรียมการ 6 เดือนนั้น นพ.จเด็จ ให้ความเห็นว่า ส่วนตัวคิดว่าการจะเป็นไปได้หรือไม่นั้นต้องมีเจตจำนงร่วมกัน

ส่วนเรื่องการจะนำเจตจำนงไปสู่การปฏิบัติได้นั้นต้องมีรายละเอียดซึ่งต้องขอบคุณ รพ.นพรัตน์ ที่ช่วยเสนอแนวทางเพราะเห็นปัญหาของคนไข้และต้องขอบคุณ ปลัดสธ. ที่ไม่ใช่เพียงนำกรมการแพทย์ แต่นำทั้งกระทรวงมาช่วยดูซึ่งในส่วนนี้ต้องมีรายละเอียด จึงไม่ได้รู้สึกว่า จะเป็นปัญหาหรือไม่ตรงกันข้ามมองว่าการสร้างระบบใหม่ ๆ ต้องมีการคุยกันในรายละเอียดซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการคุยกันนอกรอบ เนื่องจากอธิบดีกรมการแพทย์เพิ่งรับตำแหน่งจึงขอเวลาศึกษารายละเอียดซึ่งเราให้เต็มที่อาจจะไม่ถึง 6 เดือนก็ได้ทราบมาว่า ตัดขัด 1-2 ประเด็นเท่านั้น นพ.จเด็จ เลขาธิการสปสช. ระบุ 

ต่อข้อซักถามที่ว่า กรมการแพทย์และรพ.นพรัตน์ แสดงความห่วงใยเรื่องงบประมาณที่อยากขอให้ สปสช.โอนงบ CR ให้ทั้งก้อน เพื่อให้ รพ.นพรัตน์ บริหารจัดการทั้งหมดนั้น นพ.จเด็จ กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ เรื่องการที่ต้องมีเงินก้อนหนึ่งที่จะต้องลงมาไว้ในกองกลางเพื่อรองรับผู้ป่วยที่จะไปที่ไหนก็ได้ที่เรียกว่า กองกลางรองรับผู้ป่วยนอกเครือข่าย (Central Reimbursement) ซึ่ง รพ.นพรัตน์ ต้องการดูแลทั้งหมด 360 ต่อหัวไปบริหารจัดการกำลังเจรจากันอยู่

ถามย้ำว่า สปสช.ให้ได้หรือไม่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า กติกาทั้งหมดเป็นไปได้เพียงแต่ว่าต้องทำตัวเลขหรือโมเดลมาดูซึ่งทางรพ.นพรัตน์ ก็คงมีโมเดล อย่างไรก็ดี เวลาเราอยู่ในเครือข่ายแล้วประชาชนไปรับบริการนอกเครือข่ายทางสปสช.ก็ต้องตามไปจ่ายอยู่ดี

ดังนั้น งบฯก้อนนี้ก็ยังต้องใช้อยู่ดีจะบอกว่าเก็บไว้ไม่ต้องใช้คงไม่ได้ ก็กำลังดูตัวเลขว่าเท่าไรกันแน่ที่ต้องใช้ คิดว่าติดอยู่ประเด็นเดียวเรื่องงบประมาณ ขณะที่เรื่องการบริการเข้าใจว่า ทาง รพ.นพรัตน์ ต้องรับดูแลทั้งหมด พูดง่าย ๆ ว่า ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ รพ.นพรัตน์ ดูแลทั้งหมดเดิมเคยอยู่อาจมีหน่วยบริการปฐมภูมิ มีศูนย์บริการ ทั้งหมดจะต้องมาขึ้นอยู่กับทาง รพ.นพรัตน์