25 พฤศจิกายน 2568 นพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยซึ่งเกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ในพื้นที่ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
ส่งผลให้สถานบริการสาธารณสุข จำนวน 47 แห่ง ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็นโรงพยาบาล 7 แห่งและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หน่วยบริการปฐมภูมิ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 40 แห่ง
อีกทั้งส่งผลกระทบต่อประชาชนจนเป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิตของประชาชน จำนวน 9 ราย ซึ่ง ณ ปัจจุบันสถานการณ์น้ำภาพรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กรม สบส. จึงสั่งการให้ทีมเอ็มเสิร์ทจากกองวิศวกรรมการแพทย์ กองแบบแผน ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ (ศบส.) ที่ 4, 5, 11 และ 12 ลงพื้นที่สำรวจสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ โดยเริ่มจากพื้นที่จังหวัดปัตตานี ได้แก่ 1.โรงพยาบาลยะหริ่ง 2.โรงพยาบาลโคกโพธิ์ และ 3.โรงพยาบาลหนองจิก
เบื้องต้นจากการสำรวจระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยังไม่พบความเสียหายหรือผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม
ส่วนจังหวัดสงขลา พบสถานพยาบาลได้รับผลกระทบ คือ โรงพยาบาลรัตภูมิ พบระบบไฟฟ้าขัดข้อง โดยทีมเอ็มเสิร์ท ได้ให้การช่วยเหลือ และแก้ไขระบบไฟฟ้าจนแล้วเสร็จทำให้โรงพยาบาลสามารถกลับมาใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ
ส่วนโรงพยาบาลหาดใหญ่ ที่มีรายงานความเสียหายด้านระบบสาธารณูปโภคทีมเอ็มเสิร์ทกำลังดำเนินการลงพื้นที่ ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้ทีมเอ็มเสิร์ทในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมกันเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
หากเกิดฝนตกหนักและระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อสถานบริการสาธารณสุขอื่น ๆ ให้ทีมเอ็มเสิร์ทบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือโดยทันที เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วย
ด้าน นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากผลกระทบที่เกิดกับสถานบริการสาธารณสุขแล้ว จากการสำรวจของ ศบส. 11 และ ศบส. 12 ยังพบอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ทั้งจากการที่น้ำเข้าบ้านและน้ำท่วมบริเวณรอบบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับความเสียหายจนไม่สามารถออกปฏิบัติงานได้ จำนวน 284 ราย ในพื้นที่ 6 จังหวัด
เบื้องต้นยังไม่พบรายงานว่ามี อสม. ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใดและได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ของ ศบส. 11 และ 12 ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลการใช้ชีวิตและสนับสนุนการปฏิบัติงานของพี่น้อง อสม.