อธิบดีกรมควบคุมโรค ลุย 5 นโยบาย วัคซีนฟรี-ท่องเที่ยว-ถนนปลอดภัย

07 ต.ค. 2568 | 11:50 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2568 | 11:58 น.

อธิบดีกรมควบคุมโรค ประกาศเคลื่อน 5 นโยบายหลัก ผลักดันวัคซีนฟรี-ท่องเที่ยวปลอดโรคปลอดภัย-ความปลอดภัยบนท้องถนน-คุ้มครองเด็กจากบุหรี่ไฟฟ้า-เดินหน้ายุติวัณโรค รับนโยบายสาธารณสุข

KEY

POINTS

  • ผลักดันวัคซีนจำเป็นชนิดใหม่ เช่น วัคซีนป้องกันโรคไอพีดีและไข้เลือดออก ให้เป็นสิทธิประโยชน์พื้นฐานที่ประชาชนได้รับฟรี พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายของวัคซีนเดิม
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวปลอดโรคปลอดภัย ผ่านการพัฒนาคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว และการเฝ้าระวังโรคตามช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ
  • เพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยมีมาตรการตรวจประเมินสมรรถนะสุขภาพผู้ขับขี่ และขยายโครงการธนาคารที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat Bank) ให้ครอบคลุมทุกจังหวัด

จากนโยบายนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรคขานรับเดินหน้าขับเคลื่อน 5 นโยบายสำคัญเพื่อให้คนไทยปลอดโรคปลอดภัย เสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง

ล่าสุดนายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อน 5 นโยบายสำคัญของกรมควบคุมโรค ภายใต้นโยบาย ของกระทรวงสาธารณสุข   

1. ผลักดันวัคซีนใหม่เข้าสู่สิทธิประโยชน์เป็นวัคซีนฟรี” เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยศึกษาข้อมูลด้านประสิทธิผล ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และผลกระทบต่อสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการบรรจุวัคซีนใหม่ที่จําเป็นเข้าสู่สิทธิประโยชน์วัคซีนพื้นฐานของประเทศ เช่น วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี (IPD) และวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก

นอกจากนี้จะขยายกลุ่มเป้าหมายของวัคซีนเดิมที่ให้บริการอยู่แล้ว เช่น วัคซีนป้องกันโรคเอชพีวี (HPV) และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ รวมถึงเร่งรัดระดับความครอบคลุมของวัคซีนพื้นฐานในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยเฉพาะโรคที่เป็นเป้าหมายในการกําจัดกวาดล้าง เช่น หัด ไวรัสตับอักเสบ บี และโปลิโอ พร้อมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการวัคซีนให้มีคุณภาพ เข้าถึงได้อย่างทั่วถึงและยังยืน เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี ลดภาระโรค และสร้างความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศในระยะยาว 

2. ท่องเที่ยวปลอดโรคปลอดภัย ส่งเสริมการท่องเที่ยวปลอดโรคปลอดภัย โดยพัฒนาคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว ให้บริการให้คำปรึกษาและวัคซีนป้องกันโรคก่อนเดินทาง พร้อมทั้งติดตาม เฝ้าระวังโรคตามช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการนําเข้าหรือส่งออกโรคติดต่อ รวมถึงส่งเสริมให้สถานประกอบการปลอดโรคปลอดภัย สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงจากโรคและภัยสุขภาพ 

3. ความปลอดภัยทางถนน ด้วย 2 มาตรการสำคัญ ได้แก่ การตรวจประเมินสมรรถนะทางสุขภาพผู้ขับขี่ 25,000 คน ภายในปี 2569 โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป และผู้ขับขี่รถสาธารณะ เช่น รถโดยสาร รถบรรทุก รถนักเรียน รถพยาบาล และรถกู้ชีพ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากปัจจัยสุขภาพของผู้ขับขี่และเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวปลอดภัยและขับเคลื่อนโครงการ Car Seat Bank หรือธนาคารที่นั่งนิรภัยเด็กในโรงพยาบาล ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ให้บริการยืมที่นั่งนิรภัยเด็ก ลดภาระค่าใช้จ่าย และสนับสนุนการเพิ่มประชากร ทำให้ "เด็กเกิดรอด ปลอดภัย" 

4. คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะรอบสถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยว และพื้นที่ที่เด็กเข้าถึงได้ง่าย ควบคู่กับการสร้างกระแสสังคมรู้เท่าทันพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ ยังส่งเสริมให้ประชาชนร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส หากพบการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชน ลด ละ เลิกการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

5. ควบคุมป้องกันวัณโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง โดยเร่งรัดการคัดกรอง ค้นหา และรักษาผู้ป่วยวัณโรค อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ สัมผัสร่วมบ้านผู้ต้องขัง ชุมชนแออัด และแรงงานข้ามชาติ โดยจะได้รับการตรวจคัดกรองด้วยการเอกซเรย์ทรวงอกและแปลผลด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ร่วมกับการวินิจฉัยทางอณูชีววิทยา (Molecular Techniques) เพื่อค้นหาและรักษาผู้ป่วยให้ได้รวดเร็ว พร้อมตรวจหาวัณโรคดื้อยาในทุกกรณี

ในส่วนของแรงงานข้ามชาติ ยังคงให้ความสำคัญต่อการควบคุมและป้องกันวัณโรค เนื่องจากหากไม่สามารถควบคุมวัณโรคในกลุ่มนี้ได้ ก็ยากที่จะยุติวัณโรคในประเทศไทยได้อย่างแท้จริง การดูแลสุขภาพแรงงานข้ามชาติถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับบริการอย่างเท่าเทียม ผ่านระบบหลักประกันสุขภาพ โดยทุกคนจะได้รับการตรวจคัดกรองวัณโรคตามมาตรฐานสากล เช่นเดียวกับประชาชนไทย 

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะเดินหน้าขับเคลื่อนทุกนโยบายเชิงรุกอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ประชาชน เข้าถึงการดูแลสุขภาพอย่างเท่าเทียม และร่วมสร้างประเทศไทยสู่สังคมสุขภาพดี ปลอดภัย และยั่งยืน สำหรับทุกคน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวทิ้งท้าย