‘อัลไซเมอร์’ โรคฮิตผู้สูงวัย สาเหตุ อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

21 ก.ย. 2568 | 09:27 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2568 | 09:33 น.

กรมการแพทย์ เผยสถิติผู้ป่วย “โรคอัลไซเมอร์” สูงตามสังคมผู้สูงวัยไทย พร้อมสาเหตุ อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

KEY

POINTS

  • โรคอัลไซเมอร์เกิดจากการสะสมโปรตีนผิดปกติในระบบประสาท ทำให้เซลล์ประสาทถูกทำลายและสมองฝ่อ โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม
  • อาการเริ่มแรกคือความจำบกพร่อง ถามซ้ำๆ และอาจมีปัญหาพฤติกรรม เช่น หงุดหงิดง่าย ซึ่งจะรุนแรงขึ้นจนผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
  • การรักษาในปัจจุบันใช้ยาเพื่อชะลอความจำเสื่อมถอย ร่วมกับการปรับพฤติกรรมและทำกิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพความจำ

นายแพทย์ธนินทร์  เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์ในปี 2565 ซึ่งมีประชากรผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด โดยหน่วยงานทั้งราชการ เอกชน รวมถึงภาคประชาชนจำเป็นต้องมีความเข้าใจในปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างรอบด้าน

หนึ่งในปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุที่สำคัญมาก คือ ภาวะสมองเสื่อม รายงานในปี 2563 ประมาณการว่า มีผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมสูงถึง 651,950 คน จากผู้สูงอายุ 12 ล้านคน คิดเป็น 5.43% ของผู้สูงอายุทั้งหมด

โดยมีโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมที่พบมากที่สุด ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเน้นการให้บริการสอดรับสังคมผู้สูงอายุ โดยการจัดระบบบริการผู้สูงอายุแบบองค์รวมในสถานพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ ในรูปแบบคลินิกผู้สูงอายุ   

ด้านว่าที่ร้อยตำรวจโทหญิง แพทย์หญิง นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า  โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก เกิดจากการสะสมของโปรตีนที่ผิดปกติในระบบประสาท ทำให้เกิดการทำลายเซลล์ประสาทและเกิดภาวะสมองฝ่อตามมา

‘อัลไซเมอร์’ โรคฮิตผู้สูงวัย สาเหตุ อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

ปัจจัยเสี่ยงอาจเกิดได้จากกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใด อาการที่พบบ่อยที่สุดมักพบในผู้สูงวัยที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มีปัญหาความจำบกพร่อง ผู้ป่วยจะเริ่มถามซ้ำ ๆ จำวัน เวลา และสถานที่ของเหตุการณ์ในอดีตที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้ เมื่ออาการของโรคเป็นมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน

รวมถึงมีปัญหาพฤติกรรม เช่น หงุดหงิดง่ายขึ้น หลงผิด หรือมีอาการหลอนตามมา ท้ายที่สุดผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านสมรรถภาพสมองบกพร่องในทุกด้าน จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งสร้างความยากลำบากมากขึ้นต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยและการดูแลของญาติ การรักษาปัจจุบันประกอบด้วยการรักษาทางยา ซึ่งจะช่วยชะลอให้ภาวะความจำเสื่อมถอย ช้าลงเล็กน้อย ผู้ป่วยจะทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น การปรับพฤติกรรมหรือทำกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพความจำ รวมถึงการรักษากายและใจโดยรวมให้ดีก็เป็นส่วนที่สำคัญ