KEY
POINTS
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าเกือบหนึ่งในสามของประชากรจะมีอายุเกิน 60 ปีภายในปี 2573 ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วโลกจะเพิ่มจาก 1.06 พันล้านคนในปี 2563 เป็น 2.13 พันล้านคนในปี 2593
ขณะที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวนผู้สูงวัยจะเพิ่มจาก 77.4 ล้านคนเป็น 173.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 22% ของประชากรทั้งหมด แนวโน้มสังคมสูงวัยนี้สร้างทั้งความท้าทายและโอกาสต่อระบบสาธารณสุขและสังคม
หนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงวัย คือ ภาวะมวลกล้ามเนื้อลดลง (Sarcopenia) ซึ่งเริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลงตามธรรมชาติราว 1–2% ต่อปี ส่งผลต่อความแข็งแรง ความคล่องตัว และความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดิน การทรงตัว และการยกของ การป้องกันภาวะนี้จำเป็นต้องอาศัยทั้งการออกกำลังกายและโภชนาการที่เหมาะสม
นางสาวโรอาน โค กรรมการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการ MOF ME UP กล่าวว่า อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทยร่วมกับยัง แฮปปี้ (Young Happy) ธุรกิจเพื่อสังคมที่สนับสนุนผู้สูงอายุไทย เปิดตัวแคมเปญ “MOF ME UP” เพื่อสร้างชุมชนสุขภาพผู้สูงวัย โดยเจาะกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ผ่านโปรแกรมออนไลน์ 15 วัน เน้นการออกกำลังกายด้วยยางยืด การประเมินมวลกล้ามเนื้อ และการติดตามผลพัฒนาการด้านความแข็งแรง
อาทิ พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ (Expert Talks) ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและกล้ามเนื้อจากศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายวิธีการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การป้องกันภาวะมวลกล้ามเนื้อลดลง และการออกกำลังกายที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัย กิจกรรมเพื่อสุขภาพ (Health Activity Zones) เช่น การเล่นบิงโก MOF ME UP, การประเมินการทรงตัวและการเดินโดย NAYA LivWell, การประเมินมวลกล้ามเนื้อ และการทดลองสมูทตี้เพื่อสุขภาพ และ โซนผลิตภัณฑ์และสารอาหาร เป็นต้น
ด้านนพ.ฉันทัส มไหสวริยะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (พิเศษ) ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก กล่าวว่า การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้สูงวัยทำกิจกรรมประจำวันได้น้อยลง สัญญาณเตือน ได้แก่ กำลังมือลด การเดินช้าลง หรือทำกิจวัตรไม่คล่อง การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดินหรือไทเก๊ก การฝึกกล้ามเนื้อด้วยน้ำหนักเบา และการบริโภคโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็น ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรงโดยรวม
นายชาคิต พรหมยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งยัง แฮปปี้ กล่าวว่า ชุมชนสุขภาพไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ แต่ยังสร้างความเชื่อมโยงทางสังคม ลดความเหงา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน การเข้าร่วมชุมชนออนไลน์และกิจกรรมแบบกลุ่มช่วยสร้างแรงจูงใจ และทำให้ผู้สูงวัยรักษาความแข็งแรงได้อย่างยั่งยืน
การสร้างชุมชนสุขภาพผู้สูงวัยจึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของสังคมไทยที่จะก้าวเข้าสู่ สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ การใช้กิจกรรมออกกำลังกาย การให้ความรู้ด้านโภชนาการ และการสร้างเครือข่ายสังคมสำหรับผู้สูงวัย ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถอยู่ในสังคมอย่างกระฉับกระเฉง แข็งแรง และมีความสุขในชีวิตประจำวัน