25 กรกฎาคม 2568 นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้วางระบบบริหารจัดการสถานการณ์นี้ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์สูงสุด
มอบหมายให้ตน เป็นผู้บัญชาการส่วนกลาง และนพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้บัญชาการส่วนหน้า ประสานกับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6, 9, 10 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งมีข้อสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและในพื้นที่ 9 ข้อ คือ
1. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ในระดับจังหวัดและเขตสุขภาพเพื่อวิเคราะห์และประสานสั่งการด้านสุขภาพ
2. ประเมินสถานการณ์โรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงการปิดโรงพยาบาลในเขต Hot Zone และประสานหน่วยแพทย์ทหารตามแนวทางที่กำหนดไว้
3. วางแผนเส้นทางและระบบการส่งต่อผู้ป่วยจากพื้นที่ชายแดนไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสมทั้งในและนอกจังหวัดอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
4. จัดเตรียมโรงพยาบาลในพื้นที่และโรงพยาบาลคู่ขนานให้มีเตียงรองรับผู้ป่วยหนัก, ห้องผ่าตัดและห้องฉุกเฉินที่พร้อมใช้งาน
5. ตรวจสอบและสำรองยา เวชภัณฑ์ วัสดุทางการแพทย์ อุปกรณ์กู้ชีพ และเครื่องมือจำเป็นให้เพียงพอ โดยเฉพาะยาและเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บจากสงครามและโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในภาวะฉุกเฉิน
6. ให้มีการประสานงานหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ การเคลื่อนย้ายประชากร และความต้องการด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน
7. สื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพและให้ข้อมูลกับผู้ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนเข้าใจง่ายเพื่อป้องกันการตื่นตระหนก
8. ดูแลสุขอนามัยในจุดพักพิงเพื่อป้องกันโรคจากสิ่งแวดล้อมเฝ้าระวังและควบคุมโรค รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง และ
9. หากมีข้อสงสัยหรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติให้รายงานต่อศูนย์ PHEOC ส่วนกลางเพื่อให้การสนับสนุนโดยด่วน
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ข้อมูลเมื่อเวลา 09.00 น. มีผู้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ 31 ราย เสียชีวิต 13 ราย โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีการติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด แยกเป็น
อุบลราชธานี
ศรีสะเกษ
สุรินทร์
บุรีรัมย์
อุบลราชธานี
ศรีสะเกษ
สุรินทร์
บุรีรัมย์
เปิดบริการเฉพาะห้องฉุกเฉิน 4 แห่ง
อุบลราชธานี
สุรินทร์
บุรีรัมย์
ภาพรวมมีการอพยพผู้ป่วยทั้งหมด 429 ราย และอพยพประชาชนแล้ว 83,170 ราย ทั้งนี้ ได้กำชับสถานพยาบาลในสังกัด กรณีประชาชนที่มีโรคประจำตัวที่อพยพจากเหตุการณ์นี้หากมาขอรับยาต่อเนื่องให้ดูแลจ่ายยาอย่างพอเพียงกับสถานการณ์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน