"สมศักดิ์" สั่งการด่วน 9 ข้อ รับเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

25 ก.ค. 2568 | 07:40 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ค. 2568 | 07:51 น.

"สมศักดิ์" ออก 9 ข้อสั่งการรองรับเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปิด รพ.เขต Hot Zone วางแผนเส้นทางอพยพ เตรียมพร้อมห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน สำรองยา เวชภัณฑ์ และสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพต่อประชาชน

25 กรกฎาคม 2568 นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้วางระบบบริหารจัดการสถานการณ์นี้ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์สูงสุด

มอบหมายให้ตน เป็นผู้บัญชาการส่วนกลาง และนพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้บัญชาการส่วนหน้า ประสานกับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6, 9, 10 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งมีข้อสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและในพื้นที่ 9 ข้อ คือ 

1. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ในระดับจังหวัดและเขตสุขภาพเพื่อวิเคราะห์และประสานสั่งการด้านสุขภาพ

2. ประเมินสถานการณ์โรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงการปิดโรงพยาบาลในเขต Hot Zone และประสานหน่วยแพทย์ทหารตามแนวทางที่กำหนดไว้

3. วางแผนเส้นทางและระบบการส่งต่อผู้ป่วยจากพื้นที่ชายแดนไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสมทั้งในและนอกจังหวัดอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

4. จัดเตรียมโรงพยาบาลในพื้นที่และโรงพยาบาลคู่ขนานให้มีเตียงรองรับผู้ป่วยหนัก, ห้องผ่าตัดและห้องฉุกเฉินที่พร้อมใช้งาน

5. ตรวจสอบและสำรองยา เวชภัณฑ์ วัสดุทางการแพทย์ อุปกรณ์กู้ชีพ และเครื่องมือจำเป็นให้เพียงพอ โดยเฉพาะยาและเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บจากสงครามและโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในภาวะฉุกเฉิน

"สมศักดิ์" สั่งการด่วน 9 ข้อ รับเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา  

6. ให้มีการประสานงานหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ การเคลื่อนย้ายประชากร และความต้องการด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน

7. สื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพและให้ข้อมูลกับผู้ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนเข้าใจง่ายเพื่อป้องกันการตื่นตระหนก

8. ดูแลสุขอนามัยในจุดพักพิงเพื่อป้องกันโรคจากสิ่งแวดล้อมเฝ้าระวังและควบคุมโรค รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง และ

9. หากมีข้อสงสัยหรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติให้รายงานต่อศูนย์ PHEOC ส่วนกลางเพื่อให้การสนับสนุนโดยด่วน 

ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ข้อมูลเมื่อเวลา 09.00 น. มีผู้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ 31 ราย เสียชีวิต 13 ราย โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีการติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด แยกเป็น

อุบลราชธานี

  • บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ปานกลาง 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ศรีสะเกษ

  • บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ปานกลาง 8 ราย เล็กน้อย 4 ราย เสียชีวิต 8 ราย

สุรินทร์

  • บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ปานกลาง 3 ราย เล็กน้อย 6 ราย เสียชีวิต 4 ราย

บุรีรัมย์

  • บาดเจ็บปานกลาง 1 ราย และเล็กน้อย 1 ราย

"สมศักดิ์" สั่งการด่วน 9 ข้อ รับเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สถานพยาบาลต้องปิดบริการ 7 แห่ง

อุบลราชธานี

  • รพ.น้ำขุ่น และ รพ.น้ำยืน

ศรีสะเกษ

  • รพ.กันทรลักษ์ และ รพ.ภูสิงห์

สุรินทร์

  • รพ.กาบเชิง และ รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

บุรีรัมย์

  • รพ.บ้านกรวด

เปิดบริการเฉพาะห้องฉุกเฉิน 4 แห่ง

อุบลราชธานี

  • รพ.นาจะหลวย

สุรินทร์

  • รพ.ปราสาท และ รพ.สังขะ

บุรีรัมย์

  • รพ.ประโคนชัย

ภาพรวมมีการอพยพผู้ป่วยทั้งหมด 429 ราย และอพยพประชาชนแล้ว 83,170 ราย ทั้งนี้ ได้กำชับสถานพยาบาลในสังกัด กรณีประชาชนที่มีโรคประจำตัวที่อพยพจากเหตุการณ์นี้หากมาขอรับยาต่อเนื่องให้ดูแลจ่ายยาอย่างพอเพียงกับสถานการณ์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน