สธ. อัปเดตเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 11 ราย ทหาร 1 นาย

24 ก.ค. 2568 | 09:55 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2568 | 10:03 น.

สาธารณสุข รายงานเหตุปะทะไทย-กัมพูชา พลเรือนบาดเจ็บ 35 ราย เสียชีวิต 11 ราย เป็นเด็กอายุ 8 ขวบ 1 ราย ด้านทหารบาดเจ็บ 8 นาย เสียชีวิต 1 นาย เรียกร้องให้หยุดกระทำและแสดงความรับผิดชอบ 

24 กรกฎาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยมี นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 

นายสมศักดิ์ ระบุว่า ได้รับทราบเหตุการณ์ที่กัมพูชาเปิดฉากโจมตี โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ และ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ รวมถึงพื้นที่พลเรือนในอีกหลายจังหวัดตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นการคุกคามอธิปไตยของชาติและเหยียบย่ำคุณค่าความเป็นมนุษย์เกินกว่าจะยอมรับ โดยข้อมูลเมื่อเวลา 14.15 น. พบว่า มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ 35 ราย และเสียชีวิต 11 ราย ทหารบาดเจ็บ 8 นาย แบ่งเป็น

สธ. อัปเดตเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 11 ราย ทหาร 1 นาย  

จังหวัดสุรินทร์

  • ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย จำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 8 ขวบ 1 ราย มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ปานกลาง 3 ราย
  • ทหาร บาดเจ็บสาหัส 3 นาย ปานกลาง 1 นาย และเล็กน้อย 1 นาย 

จังหวัดอุบลราชธานี

  • ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย

จังหวัดศรีสะเกษ

  • ประชาชนเสียชีวิต 8 ราย จำนวนนี้เป็นเยาวชนอายุ 15 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ปานกลาง 8 ราย เล็กน้อย 4 ราย
  • ทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย 

จังหวัดบุรีรัมย์

  • ประชาชนบาดเจ็บปานกลาง 1 ราย

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโรงพยาบาลและประชาชนชาวไทย ถือเป็นการกระทำละเมิดกฎหมายมนุษธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงละเมิดมาตรา 18 อนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง ที่ระบุไว้ว่า โรงพยาบาลพลเรือนต้องไม่ถูกโจมตีไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ และต้องได้รับความเคารพและคุ้มครองจากคู่ขัดแย้งตลอดเวลา อีกทั้งมีเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตด้วย ซึ่งการทำร้ายเด็กเป็นการกระทำที่น่าละอายและไม่อาจให้อภัยได้อย่างที่สุด พร้อมกันนี้ได้แถลงประณามการกระทำของกัมพูชาว่า จึงเข้าข่ายการละเมิดร้ายแรง เป็นอาชญากรรมสงครามอย่างชัดเจน

พร้อมกันนี้กระทรวงสาธารณสุข ขอเรียกร้องให้ 1.รัฐบาลกัมพูชาต้องแสดงความรับผิดชอบและหยุดการกระทำทันที และ 2.รัฐบาลกัมพูชาต้องร่วมเยียวยาความสูญเสียทั้งหมด ซึ่งความปรารถนาของกระทรวงคือการหยุดยั้งความโหดเหี้ยมนี้ จึงขอให้กัมพูชายุติการกระทำอาชญากรรมสงครามทันทีและกลับมาเคารพหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และขอส่งความเสียใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสีย 

สธ. อัปเดตเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 11 ราย ทหาร 1 นาย

ทั้งนี้ ขอให้คำยืนยันต่อชาวไทยว่า กระทรวงสาธารณสุขจะระดมสรรพกำลังทั้งหมดดูแลผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด และรัฐบาลไทยจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเกียรติภูมิของชาติและเรียกร้องความยุติธรรมแก่ชาวไทยทุกคน โดยขณะนี้ทั้ง 4 จังหวัด ได้เปิดศูนย์ PHEOC แล้ว และมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของโรงพยาบาลในพื้นที่สีแดงหรือ Hot Zone เช่น รพ.พนมดงรัก รพ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็นต้น ไปยังโรงพยาบาลพื้นที่ปลอดภัย พร้อมสนับสนุนการดูแลสุขภาพในศูนย์พักพิงชั่วคราวและบูรณาการทุกกระทรวงเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มเปราะบางในการอพยพ รวมถึงจัดเตรียมสำรองยา เวชภัณฑ์ และเลือดเพื่อรองรับด้วย

สธ. อัปเดตเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 11 ราย ทหาร 1 นาย

ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในเขตสุขภาพที่ 6 ได้แก่ ตราด สระแก้ว จันทบุรี เขตสุขภาพที่ 9 บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ และเขตสุขภาพที่ 10 ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี รวม 1,575 ทีม ได้เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนพื้นที่แล้ว ประกอบด้วย

  • ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ระดับตติยภูมิในภาวะภัยพิบัติ (MERT) 9 ทีม
  • ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์เคลื่อนที่เร็วระดับอำเภอ (Mini MERT) 146 ทีม
  • ทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) 167 ทีม
  • ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว 172 ทีม
  • ทีมวิศวกรฉุกเฉิน  1 ทีม
  • ทีมปฏิบัติการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 149 ทีม
  • ทีมปฏิบัติการสอบสวน 111 ทีม
  • หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ 820 ทีม