นายแพทย์สุจิตร์ บัญญัติปิยพจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด หัวใจและทรวงอก ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ “เกเนเซน” (Genesenn) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด ที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลงเป็นจำนวนมาก อ้างอิงจากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2565 พบว่าโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำให้คนไทยเสียชีวิตกว่า 7 หมื่นคนต่อปี หรือเฉลี่ยเสียชีวิตชั่วโมงละ 8 คน
นอกจากนี้ การตีบหรือตันของหลอดเลือดยังสามารถเกิดได้อีกหลายอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นสมอง หัวใจ แขน ขา หรือ คอ โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากโรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ตลอดจนการสูบบุหรี่ ความเครียด รวมถึงกรรมพันธุ์ กลุ่มผู้ป่วยหญิงส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 70 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยชายจะเริ่มมีอาการเมื่ออายุประมาณ 55 ปี
โดยความแตกต่างของหญิงและชายมาจากฮอร์โมนที่เรียกว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งมีในผู้หญิงและช่วยลดความเสี่ยงทำให้เกิดโรคนี้ช้ากว่าผู้ชาย และมีอัตราการป่วยโรคนี้น้อยกว่าผู้ชายถึง 1 ใน 3 แต่โอกาสเสียชีวิตของผู้หญิงจะสูงกว่าผู้ชาย 3-4 เท่า จากความเสี่ยงของอายุที่มาขึ้น
ดังนั้นเกเนเซน ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์เชิงรุก (Preventive & Regenerative Medicine) จึงมุ่งขยายเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก เช่น Accor Hospitality และ Absolute U Management ด้วยการสร้างโมเดล Medical & Wellness Tourism Hub ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงราย กระบี่ ภูเก็ต บางแสน ฯลฯ เตรียมเปิดตัวพร้อมกัน 11 จุดทั่วประเทศในปี 2568 นี้ เป็นปีแรก มีเป้าหมายหลักคือเจาะลึกการดูแลและป้องกันสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องโรคหัวใจและหลอดเลือด
อาทิ ดูแลสุขภาพหลอดเลือดที่ส่งผลต่อผิวพรรณ ความงาม และความอ่อนเยาว์ ด้านสมรรถภาพทางเพศชาย และภาวะหลอดเลือดเสื่อม มุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อย่างครบวงจร
นายแพทย์สุจิตร์ กล่าวว่า เกเนเซนอยู่ในช่วงการโปรโมทจากศูนย์กลางกรุงเทพฯกระจายไปยังต่างจังหวัดตามพื้นที่รีสอร์ท มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนตระหนักรู้เรื่องโรคหัวใจและหลอดเลือด ขยายเครือข่ายครอบคลุมทั้งคนไทยและต่างชาติ เริ่มตั้งแต่กลุ่มลูกค้าวัยทำงานอายุ 30 ปีเป็นต้นไป เพราะถือว่าวัยที่เริ่มสะสมความเสี่ยงต่อการการเกิดโรคในระยะยาว
“แผนงานของเราจะเชื่อมโยงความรู้กับการแพทย์ วางระบบดูแลแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Health Program) โดยเวชศาสตร์บูรณาการรักษาเชิงรุก ป้องกัน ก่อนเกิดโรค เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเวชศาสตร์บูรณาการ รวมถึงการใช้สเต็มเซลล์ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยใช้สเต็มเซลล์ในการรักษากล้ามเนื้อหัวใจของตัวเองเมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อสร้างระบบการรักษาของเกเนเซนให้กลายเป็นโซลูชันดูแลสุขภาพจากต้นเหตุ เช่น ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหัวใจด้วยสเต็มเซลล์, พลาเซนต้า, วิตามินทางหลอดเลือด”
อย่างไรก็ตาม เรื่องการใช้สเต็มเซลล์ในประเทศไทย ยังถูกจำกัด โดยระเบียบข้อบังคับหลายอย่างพอสมควร และอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ เพื่อให้รัฐบาลผลักดันและสนับสนุนการใช้อย่างถูกต้อง เพราะในทางการแพทย์การใช้สเต็มเซลล์ต้องเป็นเซลล์ที่มีคุณภาพ มีระบบการจัดเก็บได้มาตรฐาน สอดคล้องกับการรักษาโรค ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้ไทยเป็นฮับด้านสุขภาพของโลกอย่างเต็มตัวในอนาคต