วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 หมอเจด หรือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอเจด ว่า เดินเร็ว VS วิ่ง แบบไหนผอมไวกว่ากัน?
อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนถามหมอบ่อยมากกก แบบมากจริง ๆ เวลาเริ่มอยากลดน้ำหนัก ก็จะสงสัยว่า
“เราควรเดินเร็วดี หรือควรวิ่งไปเลย จะได้ผอมเร็ว ๆ?”
บางคนก็กลัวเข่าเจ็บ บางคนก็ขี้เกียจเหนื่อยบางคนเดินจนเหนื่อยแล้ว แต่เลขบนตาชั่งก็ไม่ขยับซักทีวันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ เลยครับ ว่าจริง ๆ แล้ว
เดินเร็วกับวิ่ง มันต่างกันยังไง? แล้วแบบไหนที่ช่วยให้เราผอมเร็วกว่า?
มาดูไปทีละข้อกันเลย
1. ใครเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน?
ถ้าเอาเรื่อง "ผอมไว" มาเป็นประเด็นหลักเนี่ย ต้องบอกก่อนเลยว่าวิ่งเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าเดินเร็ว
ง่าย ๆ เลยก็คือ
ดูจากตัวเลขเหมือนจะชัดเลยใช่ไหมว่า “วิ่งดีกว่า”
แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น!
เพราะร่างกายเราไม่ได้เลือกใช้พลังงานจากแคลอรีเหมือนกันตลอด มันขึ้นอยู่กับว่า “เราเหนื่อยแค่ไหน” หรือพูดง่าย ๆ คือ
ออกกำลังกายอยู่ในโซนหัวใจโซนไหน?
แล้ว Heart Rate Zone คืออะไร?
มันคือระดับความหนักของการออกกำลังกายครับ แบ่งเป็น 5 โซนแต่เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ แค่ 3 โซนพอ
ดังนั้น ต่อให้คุณ “เดิน” แต่ถ้าอยู่ในโซน 2 ได้ต่อเนื่องวันละ 40 นาที มันก็ลดไขมันได้ดีนะ
2. ผลต่อหัวใจและหลอดเลือด
ไม่ว่าจะเดินหรือวิ่ง ถ้าทำประจำก็มีผลดีต่อหัวใจทั้งนั้นแต่จะต่างกันที่ “ความหนัก” และ “ความเสี่ยง”
วิ่ง
เดินเร็ว
โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกิน, เข่าไม่ดี, อายุเยอะหน่อย เดินจะดีกับร่างกายมากกว่า
แนะนำว่า เริ่มจากเดินเร็วไปก่อนก็ไม่เสียหายนะครับ ให้ร่างกายปรับตัว พอแข็งแรงขึ้นค่อย ๆ ขยับเป็นวิ่งช้า ๆ ได้
3. เมตาบอลิซึมกับการเผาผลาญ
นี่เป็นเรื่องที่คนชอบออกกำลังกายอยากรู้กันมาก หลังวิ่งเสร็จแล้ว รู้ไหมว่า ร่างกายยังเผาผลาญพลังงานต่ออีกหลายชั่วโมง เพราะมันเกิดสิ่งที่เรียกว่า Afterburn Effect (EPOC) เหมือนร่างกายยังร้อนอยู่ ต้องใช้พลังงานเพิ่มเพื่อปรับสมดุลแต่มันจะเกิดเฉพาะใน “การออกกำลังกายที่เข้มข้นพอ” เท่านั้นนะ เช่น วิ่งเร็ว วิ่ง HIIT
ส่วนเดินเร็วล่ะ?
เดินเร็วอาจจะไม่มี Afterburn แบบวิ่ง
แต่ข้อดีของมันคือ “คุณทำได้นานกว่า” เช่น เดิน 1 ชั่วโมงทุกวัน ก็เผาได้เยอะเหมือนกัน แถมไม่เสี่ยงเข่าพัง
เปรียบเทียบง่าย ๆ
รวม ๆ แล้วพอ ๆ กัน ถ้าเดินได้สม่ำเสมอ
4. กระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ
เรื่องนี้สำคัญมากโดยเฉพาะถ้าคุณน้ำหนักเยอะ หรืออายุเริ่มมากแล้วอย่างที่รู้กันว่าวิ่งอาจมีแรงกระแทกมาก
ถ้าวิ่งผิดท่า, พื้นแข็ง หรือไม่วอร์มดี ทำให้เสี่ยงเข่าพัง, เอ็นอักเสบได้ง่ายมาก แต่ถ้าวิ่งถูกวิธีกล้ามเนื้อ, กระดูก, เอ็น จะถูกกระตุ้นให้แข็งแรงขึ้น
ส่วนเดินเร็วกระแทกน้อยกว่าเยอะมากเหมาะมากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่ม, คนอ้วน, หรือคนที่เข่าไม่ค่อยดี แถมถ้าเดินแบบมีการแกว่งแขน ใช้ลำตัวร่วมด้วย ก็ช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้หลายส่วนเลยนะ
5.สุดท้าย (แต่สำคัญที่สุดเลย) คือคำว่า “ทำต่อเนื่องได้ไหม?”
คือบางคนตั้งใจจะวิ่งทุกวัน แต่สุดท้ายทำได้อาทิตย์ละ 1–2 วัน เพราะเหนื่อย แต่บางคนเดินเร็วทุกวัน สบาย ๆ 40 นาทีหลังเลิกงาน ผลรวมออกมาดีกว่าเยอะ
ลองดูเปรียบเทียบง่าย ๆ
ผอมกว่าแบบไหน ก็ตอบไม่ยากแล้วเนอะการเดินเร็วอาจดูช้า แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ มันคือ "ทางเลือกที่ยั่งยืน" มากกว่า
ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเจ็บ
สุดท้ายคนที่จะตอบว่า แล้วควรเลือกอะไรดี ก็คือคุณนะ
ถ้า “ฉันโอเคกับการวิ่ง” ลุยเลยครับ วิ่งได้ก็สุดยอด แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า “ฉันเดินเร็วดีกว่า ไม่เจ็บ ไม่เหนื่อยมาก ทำได้ทุกวัน” นั่นแหละคือคำตอบของคุณ เพราะการออกกำลังกาย ไม่ใช่เรื่องของใครเร็วกว่าใคร แต่มันคือ “เราทำได้แค่ไหน และทำได้นานแค่ไหน” สิ่งที่เวิร์กที่สุด คือสิ่งที่ “คุณทำได้ต่อเนื่อง” ครับ
ใครอยากเริ่มวันนี้ ลองตั้งเป้าสั้น ๆ ก่อน เช่น เดินเร็ววันละ 20–30 นาที แล้วค่อยขยับเวลาและความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อว่าไม่กี่เดือนคุณจะเห็นผล