6ty Degrees รุกตลาดน้ำแร่ เล็งขยายต่างประเทศ ดันยอดขายปี 68 โต 50%

31 พ.ค. 2568 | 02:55 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2568 | 03:04 น.

“ซิกตี้ ดีกรี” รุกเจาะกลุ่มรักสุขภาพ กลุ่มแมสพรีเมียม กลุ่ม Prosumer ตอบรับเทรนด์ Health and Well-being ปักหมุดงาน THAIFEX 2025 เปิดตัวนวัตกรรมน้ำแร่ หาพันธมิตรใหม่บุกต่างประเทศ ตั้งเป้าปี 68 ดันยอดขายเติบโต 50%

นางสาวรีน่า อุดมคุณธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท แร่เบฟเวอเรจ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำแร่ธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์ “ซิกตี้ ดีกรี” (6ty Degrees) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาทต่อปี มีสัดส่วนตลาดน้ำแร่-น้ำด่าง 10% ซึ่งเติบโตเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี ตามเทรนด์การรักสุขภาพของคนยุคใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน โดยภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ก็เติบโตราว 6-8% ต่อปีเช่นเดียวกัน

สังเกตได้ว่าตลาดน้ำแร่-น้ำด่างค่อนข้างแข่งขันสูงและมีสงครามราคา ลดราคาลงเรื่อย ๆ มีผู้ประกอบการหน้าใหม่ทั้งรายเล็ก รายใหญ่เพิ่มขึ้นในทุกปี บริษัทแร่เบฟเวอเรจก็ถือเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่เพิ่งเปิดตลาดครั้งแรกในปี 2566 สร้างโรงงานผลิตน้ำแร่ในแบรนด์ 6ty° Degrees (Sixty Degrees: ซิกตี้ ดีกรี) จากแหล่งน้ำที่ผ่านชั้นหินที่ความลึก 350 เมตร ที่อุณหภูมิ 60 องศา ด้วยงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท อยู่บริเวณพื้นที่ต้นน้ำของดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้ดอยเชียงดาวเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลกอย่างเป็นทางการ อีกจุดขายคือ ฝาขวดรักษ์โลกที่มีดีไซน์เป็นชิ้นเดียวกับตัวขวดทำให้ฝาขวดไม่หล่นหายและยังสะดวกในการคัดแยกขยะด้วย

ในปี 2568 ตั้งเป้าไว้ว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจจะเติบโตให้ได้ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ มีกลุ่มเป้าหมายหลัก 70% คือกลุ่มคนอายุ 19-45 ปี อีก 20% คือกลุ่มอายุ 45-55 ปี และอีก 10% จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ใส่ใจในเรื่อง Health and Well-being อยู่ระดับตลาดแมสพรีเมียม (Mass Premium) ที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูงที่ต้องการสินค้าคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้

6ty Degrees รุกตลาดน้ำแร่ เล็งขยายต่างประเทศ ดันยอดขายปี 68 โต 50% “เราตั้งใจไว้ว่าอยากทำให้น้ำแร่คุณภาพของไทยเป็นที่รู้จัก ด้วยแบรนด์ของคนไทย โดยแบรนด์ 6ty Degrees จะเจาะตลาดกลุ่มรักสุขภาพ กลุ่มผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ระดับกลาง-บน และกลุ่ม Prosumer หรือผู้บริโภคที่ฉลาดเลือก ปัจจุบันมี 3 รายการ จัดจำหน่ายอยู่ในทุกช่องทางตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั่วไปในสัดส่วน 60% และผ่านช่องทางออนไลน์ 40% ในปี 2567 สามารถสร้างรายได้หลักร้อยล้านบาท และในปี 2568 นี้ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะเพิ่มสินค้าให้เป็น 8 รายการ”

นางสาวรีน่า กล่าวว่า จะพยายามเดินหน้าบุกตลาด สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย บรูไน UAE และ CLMV ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกัน คาดหวังในปี 2568 จะสามารถเจาะตลาดได้ 3 ประเทศ และการร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 มั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงผู้นำเข้าในตลาดเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม หรือแม้แต่โรงแรมและร้านอาหารไทยในประเทศนั้นๆ

6ty Degrees รุกตลาดน้ำแร่ เล็งขยายต่างประเทศ ดันยอดขายปี 68 โต 50%

“การร่วมงาน THAIFEX ครั้งนี้ทำให้เรามั่นใจว่า จะช่วยทำให้สามารถเข้าถึงผู้นำเข้าในตลาดเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม หรือแม้แต่โรงแรมและร้านอาหารไทยในประเทศนั้นๆ ซึ่งจะสามารถตอกย้ำถึงแหล่งกำเนิดของน้ำแร่ 6ty Degrees ที่มาจากแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากประเทศไทยได้”

ส่วนการทำตลาดในประเทศไทย จะเปิดตัวแคมเปญใหม่ 6ty Manifesto เพื่อสร้าง awareness กับกลุ่มผู้บริโภค ให้เห็นความแตกต่างของแบรนด์ในตลาดน้ำแร่ ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ คือ 1. การสื่อสารทางการตลาดครบวงจรเพื่อสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์กับผู้บริโภคในวงกว้าง ผ่านแคมเปญโฆษณาที่ผสมผสานกันระหว่าง functional และ emotional engagement ภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่ดี เริ่มต้นที่ 60 องศา”

6ty Degrees รุกตลาดน้ำแร่ เล็งขยายต่างประเทศ ดันยอดขายปี 68 โต 50%

2. เปิดประสบการณ์กับแบรนด์ (Brand Experiential Activation) ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผ่านแนวคิด More Than Water Activation ที่เน้นความสนุกแปลกใหม่ “ยกระดับรสชาติ เพิ่มคุณค่าให้มื้ออร่อย” และ 3. ผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product Development) ภายใต้คอนเซปต์ Active Healthy Lifestyle เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ และบุกเข้าตลาดขวดแก้ว (Non-returnable glass bottle) รวมถึงน้ำแร่รสชาติผลไม้ผสมวิตามินสำหรับเด็ก

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโดยรวมของโลกรวมถึงในประเทศไทยสถานการณ์ไม่แน่นอน นักท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มลดลง การเติบโตของธุรกิจสำหรับปีนี้คือความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ และต้องเร็ว ชูจุดแข็งของแบรนด์และคุณภาพ ขณะเดียวกันก็ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้