อาการ “ซิฟิลิส” ระยะแรก ควรตรวจรักษาก่อนร้ายแรงขึ้นสมอง

30 พ.ค. 2568 | 06:59 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2568 | 07:22 น.

อาการของ “โรคซิฟิลิส“ 3 ระยะ จากการมีเพศสัมพันธ์ เผยช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ-นำไปสู่อาการทางระบบประสาท ควรเข้ารับการตรวจและรักษาโดยเร็ว ก่อนอันตรายถึงชีวิต

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุ โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ จากการรับเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ หรือจากแม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิสแล้วไม่ได้รับการรักษาสู่ทารกในครรภ์  หลังจากได้รับเชื้อในช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นแผลจะหายได้เอง และจะมีผื่นตามร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือที่อวัยวะเพศ อาจมีผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ได้ 

โดยผู้ติดเชื้อบางรายอาจจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้อนั้นจะอยู่ในร่างกายถ้าไม่ได้รับการรักษา และเชื้อสามารถก่อให้เกิดความผิดปรกติที่สมอง ระบบหัวใจ รวมถึงหลอดเลือดได้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยจะทราบว่าติดเชื้อได้ต่อเมื่อมีการไปตรวจเลือด

อาการของโรคซิฟิลิส แบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ดังนี้

ระยะที่ 1: ระยะแผลริมแข็ง (Primary Syphilis)

  • เกิดแผลริมแข็ง (chancre) ที่บริเวณที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย เช่น อวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก
  • แผลมีลักษณะเป็นตุ่มแดง ขอบนูน แข็ง กดไม่เจ็บ และหายได้เองภายใน 3–6 สัปดาห์ แม้ไม่ได้รับการรักษา
  • อาจมีต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโตร่วมด้วย

ระยะที่ 2: ระยะออกดอก (Secondary Syphilis)

  • เกิดขึ้นหลังจากแผลริมแข็งหายไปแล้ว 2–6 สัปดาห์
  • มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย รวมถึงฝ่ามือ ฝ่าเท้า โดยผื่นไม่คันและไม่เจ็บ
  • อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ปวดศีรษะ น้ำหนักลด ผมร่วงเป็นหย่อมๆ และรู้สึกเหนื่อยง่าย

หากไม่ได้รับการรักษา อาการเหล่านี้อาจหายไปเอง แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย

ระยะที่ 3: ระยะตติยภูมิ (Tertiary Syphilis)

  • เกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อมาเป็นเวลานาน (หลายปี) โดยไม่ได้รับการรักษา
  • เชื้อสามารถทำลายอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ หลอดเลือด ตับ กระดูก และข้อต่อ
  • อาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง อัมพาต ชา และภาวะสมองเสื่อม
  • หากเชื้อแพร่กระจายไปยังดวงตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือถึงขั้นตาบอดถาวร

นอกจากนี้ ยังมีโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis) ที่เป็นปัญหาได้พบได้บ่อยในประเทศไทยและเป็นโรคที่มีความสำคัญเนื่อง จากส่งผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ แต่สามารถป้องกันได้ หากได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องขณะตั้งครรภ์

โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum โดยผ่านการทางมดลูกและทารกอยู่ในครรภ์ สามารถเกิดได้ทุกระยะของการตั้งครรภ์ มีส่วนใหญ่มักเกิดระหว่างการคลอด โดยพบความรุนแรงของพยาธิสภาพแตกต่างกันไปตาม ตั้งแต่รอดไม่พบบความผิดปกติใด ๆ เลยหลังคลอด จนเมื่อมีอาการแสดงผ่านทางการตรวจร่างกาย ระบบประสาท หรืออวัยวะต่าง ๆ ที่รุนแรงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis) และกลุ่มทารกที่คลอดก่อนกำหนด รวมทั้งแท้งและตายคลอด

ซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital Syphilis)

  • เกิดจากการที่แม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิสถ่ายทอดเชื้อไปยังทารกในครรภ์
  • อาจทำให้ทารกมีความผิดปกติแต่กำเนิด หรือเสียชีวิตได้

การวินิจฉัยและการรักษา

  • การตรวจเลือดเป็นวิธีหลักในการวินิจฉัยโรคซิฟิลิส
  • การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลิน สามารถรักษาโรคซิฟิลิสให้หายขาดได้

ควรเข้ารับการตรวจและรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและภาวะแทรกซ้อน

การป้องกัน

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน
  • หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • หญิงตั้งครรภ์ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองซิฟิลิสระหว่างการฝากครรภ์

หากมีพฤติกรรมเสี่ยงหรืออาการสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อซิฟิลิส ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด