มหาสารคามรายงานสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ในปี 2568 พบผู้ป่วยรวม 443 ราย เมื่อปลายเดือน พฤษภาคม 2568 ที่ผ่าน โดยกลุ่มวัยรุ่นยังเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด
ซึ่งนับเป็นสัญญาณเตือนภัยด้านสาธารณสุขที่ต้องเร่งดำเนินมาตรการเข้มงวด โดยเฉพาะเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) พบผู้ติดเชื้อแล้ว 136 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากภ.าวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง 49 ราย ส่วนโรคหนองในและซิฟิลิสก็ยังน่าเป็นห่วง โดยคลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัด เผยเพียง 2 วัน มีผู้เข้ารับการรักษา 3 ราย พบว่ามี 1 รายติดเชื้อซิฟิลิสและ HIV พร้อมกัน
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขรายงานภาพรวมสถานการณ์ติดเชื้อ HIV ในปี 2568 คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,862 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์หรือภาวะแทรกซ้อน 10,217 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อ HIV สะสมที่ยังมีชีวิตอยู่ในประเทศไทย ณ ปัจจุบันมีประมาณ 568,565 คน ซึ่งแสดงถึงความรุนแรงและความท้าทายของโรคในระดับประเทศ
HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งเป็นเซลล์หลักในการปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ ไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะยึดจับและทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกัน
ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอย่างมาก หากไม่ได้รับการรักษา จะนำไปสู่โรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV
ผู้ติดเชื้อ HIV ในระยะแรกส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวและแพร่เชื้อโดยไม่ตั้งใจได้ การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นหาผู้ติดเชื้อและรับการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ระยะที่ 1 (Acute HIV) เกิดภายใน 2-4 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดศีรษะ ผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองบวม อาการนี้จะหายไปเองใน 2-3 สัปดาห์
ระยะที่ 2 (Chronic HIV หรือ Clinical Latency) ร่างกายยังไม่มีอาการหรืออาการน้อย สามารถอยู่ในระยะนี้ได้ 5-10 ปี หรือมากกว่า
ระยะนี้มีอาการแบ่งเป็นสองระดับคือ
• อาการเล็กน้อย เช่น ไข้ต่ำ ๆ เจ็บคอ ฝ้าขาวในปาก ผื่นเล็กบนผิวหนัง
• อาการปานกลาง เช่น ติดเชื้อทางเดินหายใจซ้ำ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ งูสวัด ไซนัสอักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง
ระยะที่ 3 (AIDS) คือระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างรุนแรง เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง เช่น วัณโรค โรคปอดอักเสบ ติดเชื้อราในสมอง เริมเรื้อรัง โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคมะเร็งบางชนิด
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังแนะนำให้เพิ่มการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน และโรคเริม เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อในประชากรกลุ่มเสี่ยง
สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในมหาสารคามและในภาพรวมของประเทศไทย ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญต่อระบบสาธารณสุข ทั้งในแง่ของการเฝ้าระวัง การให้บริการตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่ครอบคลุม รวมถึงการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง