เหนื่อยล้า-เครียด-พักผ่อนน้อย กระตุ้นไทรอยด์เป็นพิษ เสี่ยงป่วยมะเร็ง

22 พ.ค. 2568 | 15:15 น.

ระวังอาการเหนื่อยล้า อาจเจ็บป่วยเรื้อรังจาก "ต่อมไทรอยด์" มีผลกระทบโดยตรงจากความเครียดและพักผ่อนน้อย มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งไทรอยด์

นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวาน ต่อมไร้ท่อและควบคุมน้ำหนัก รพ.วิมุต กล่าวว่า ต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland) เป็นต่อมไร้ท่อขนาดเล็กที่บริเวณลำคอด้านหน้า ทำหน้าที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ เปรียบเสมือนผู้คุมเสบียงพลังงานของร่างกาย 

มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเมตาบอลิซึม หรือการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย การเจริญเติบโตและพัฒนาการ การทำงานของหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบย่อยอาหาร และระบบประสาท

เหนื่อยล้า-เครียด-พักผ่อนน้อย กระตุ้นไทรอยด์เป็นพิษ เสี่ยงป่วยมะเร็ง

เมื่อต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจอย่างชัดเจน ในกรณี ของภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroidism) หรือไทรอยด์เป็นพิษ เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ผู้ป่วยมักมีอาการกระสับกระส่าย วิตกกังวล หงุดหงิด นอนไม่หลับ ในทางตรงกันข้าม ภาวะไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) หรือไทรอยด์ต่ำ ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย คิดช้า และเซื่องซึม

“ความเครียด" อันตรายของต่อมไทรอยด์

ความเครียดเรื้อรัง มีผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อทุกชนิด รวมถึงไทรอยด์ เมื่อเกิดความเครียดเรื้อรัง ร่างกายจะกระตุ้นระบบ HPA Axis ให้ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้มีการหลั่งคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดมากผิดปกติ ส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานลดลงและกระทบการทำงานของต่อมไร้ท่อ รวมถึงไทรอยด์ 

ความเครียดยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคเกรฟส์ (ไทรอยด์เป็นพิษ) และโรคฮาชิโมโตะ (ไทรอยด์ต่ำ) เนื่องจากความเครียดเรื้อรังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ และสร้างแอนติบอดีที่ไปกระตุ้นหรือทำลายต่อมไทรอยด์

เหนื่อยล้า-เครียด-พักผ่อนน้อย กระตุ้นไทรอยด์เป็นพิษ เสี่ยงป่วยมะเร็ง

ในทางกลับกัน การทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความเครียดหรือภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน ดังนี้

  • ภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ อาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ใจสั่น พฤติกรรมหุนหัน และบางรายอาจถึงขั้นวิตกกังวลรุนแรงหรือมีภาวะตื่นตระหนก (Panic Attack)
  • ภาวะไฮโปไทรอยด์ สามารถทำให้เฉื่อยชา เบื่อหน่ายชีวิต สมาธิสั้น ความจำไม่ดี ซึ่งมีอาการคล้ายโรคซึมเศร้า จึงเห็นได้ชัดว่าทั้งความเครียดและไทรอยด์ผิดปกตินั้น ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน สร้างเป็นวงจรที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม

หากพบอาการเหล่านี้พร้อมกัน โดยเฉพาะเมื่อเป็นอาการใหม่ที่เรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการพักผ่อนหรือการจัดการความเครียดแบบทั่วไป ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนไทรอยด์

นพ. ชาญวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีกลุ่มความผิดปกติของก้อนหรือรูปร่างต่อมไทรอยด์ ซึ่งมีทั้งภาวะคอพอก (Goiter) ทำให้ต่อมไทรอยด์โตจากทำงานปกติหรือผิดปกติก็ได้, ก้อนต่อมไทรอยด์ (Thyroid Nodule) กรณีนี้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นมะเร็งแต่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย แต่ที่กลายเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) มีชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือมะเร็งไทรอยด์ชนิดพาพิลลารี (Papillary)

“ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตนเองมีปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ จนกระทั่งอาการรุนแรงขึ้น เป็นเพราะอาการเริ่มต้นจะคล้ายกับความเครียดทั่วไป และโรคไทรอยด์ส่วนใหญ่จะพัฒนาอย่างช้า ๆ ทำให้ผู้ป่วยเคยชินกับความผิดปกติ ในบางกรณีผลตรวจอาจดูปกติ ทำให้การวินิจฉัยทำได้ยาก ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาตามอาการแทนการตรวจคัดกรองฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ จึงทำให้โรคไทรอยด์ดำเนินต่อไปจนมีอาการรุนแรง” 

เหนื่อยล้า-เครียด-พักผ่อนน้อย กระตุ้นไทรอยด์เป็นพิษ เสี่ยงป่วยมะเร็ง

การรักษาโรคไทรอยด์

ไทรอยด์มีแนวทางการรักษาแตกต่างกันตามชนิดของโรค บางชนิดรักษาให้หายขาดได้ เช่น ไทรอยด์ เป็นพิษที่รักษาด้วยการกลืนแร่หรือผ่าตัด แต่บางชนิดต้องรักษาด้วยยาตลอดชีวิต เช่น ไทรอยด์ต่ำจากโรคฮาชิโมโตะ ทั้งนี้ทุกกรณีควรได้รับการวางแผนการรักษา จากแพทย์เฉพาะทางต่อมไร้ท่อและติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา โรคไทรอยด์จะลุกลามสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ เช่น

  • ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ อาจทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือเส้นเลือดสมองตีบ เกิดโรคกระดูกพรุนเพราะไทรอยด์เร่งการสลายกระดูก
  • ภาวะไทรอยด์วิกฤติ (Thyroid Storm) ในกรณีร้ายแรง อันตรายถึงชีวิต
  • ภาวะไทรอยด์ต่ำ ที่ไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะโคม่าไทรอยด์ หัวใจเต้นช้าผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก ระดับไขมันในเลือดสูง และภาวะซึมเศร้าเรื้อรังพร้อมสมองเสื่อมก่อนวัย

ภาวะเหล่านี้ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

อย่างไรก็ตาม โรคไทรอยด์ได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนในปริมาณที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง การออกกำลังกายเป็นประจำ การงดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันและฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล ที่สำคัญควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของน้ำหนัก อารมณ์ และระดับพลังงาน พร้อมตรวจสุขภาพประจำปี และแจ้งประวัติหากมีคนในครอบครัวเป็นโรคไทรอยด์ รวมถึงจัดการความเครียดต้องทำควบคู่กันไปด้วย