นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงาน “ฟู้ด อินกรีเดียนท์ เอเชีย 2025” (Food ingredients Asia Thailand 2025) หรือ Fi Asia Thailand 2025 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านส่วนผสมอาหารอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย และ “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย โดยทั้ง 2 งานนี้ จะจัดร่วมกันในพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 นี้
เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าการเกษตร เกษตรแปรรูป ที่สามารถนำไปทำสารสกัดที่มีมูลค่าสูงได้ และในปัจจุบันภาครัฐ สถาบันการศึกษาในภูมิภาคต่างมีความพร้อมให้การสนับสนุน พร้อมในการเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาร่วมกันไปกับผู้ประกอบการ หากทุกภาคส่วนจับมือไปด้วยกันทำให้สินค้าไทย จากภูมิปัญญาของคนไทยในแต่ละภูมิภาคสามารถต่อยอดไปสู่ระดับสากลได้
โดยภาคเหนือของประเทศไทยก็เช่นกัน เป็นกลุ่มผู้ประกอบการในลักษณะของ Processing Food ที่สามารถผลิตและส่งออกได้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จึงได้เล็งเห็นศักยภาพของผู้ประกอบการ จึงจัดงาน ‘Northern Food Ingredients and Nutrition Expo’ เพื่อยกระดับธุรกิจส่วนผสมอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากภาคเหนือของไทยสู่เวทีโลก พร้อมกับการแสดงผลงาน พบปะกับผู้ลงทุนและผู้ประกอบการ ทั้งจากในประเทศไทยและทั่วโลกกับงาน ‘Fi Asia Thailand 2025’ และ ‘Vitafoods Asia 2025’
นางสาวรุ้งเพชร กล่าวว่า ข้อมูลจากสถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) ทำการประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสูงถึง 8.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยมูลค่าตลาดที่ GWI ประเมินนั้นสูงกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 306 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 การขยายตัวสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ประเทศไทย ภาครัฐตั้งเป้าหมายที่จะเป็นฮับสุขภาพนานาชาติ คาดว่ารายได้จากธุรกิจ Health & Wellness จะมีไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท ในปี 2570
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาการตั้งกำแพงภาษีกีดกันของสหรัฐอเมริกา เช่นกันกับทุกประเทศที่กำลังเจรจาอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าหากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ หน่วยงานวิจัยและพัฒนา หน่วยงานต่าง ๆ จากภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้เตรียมตัวให้พร้อมในการผลิตแปรรูปสินค้าจากภาคเกษตรของไทย ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตชั้นดี เพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นจากการแปรรูปด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเชื่อว่าวัตถุดิบในธุรกิจเสริมอาหารหลายอย่างจากประเทศไทยจะมีโอกาสทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ประเทศทางฝั่งยุโรป เอเชีย และภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก โดยที่ไม่ได้พึ่งพิงในตลาดใดตลาดหนึ่ง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นเมืองส่งออกอาหารลำดับต้น ๆ ของโลก และผู้ผลิตมีศักยภาพสูงกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ การจัดงานในลักษณะ International Trade Fair ที่ให้พื้นที่ทางการตลาดกับผู้ประกอบการจะเป็นอีกก้าวที่สำคัญที่ทำให้ต่างชาติและคนไทยด้วยกันได้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถในการเป็นฐานการผลิตฟู้ดและฟังก์ชันนอลฟู้ดระดับโลก (Food and Functional Food) ของไทยที่พร้อมยกระดับสู่เกษตรมูลค่าสูง
“การปรับตัวของธุรกิจไทยท่ามกลางการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กำแพงภาษีใหม่ที่เกิดขึ้น มองว่าภายใต้ความผันผวนนี้ยังมีโอกาสอีกมาก โดยเราสามารถผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรกรรมที่เป็น ฟู้ด อินกรีเดียนท์ ให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูงขึ้น และยกระดับเพิ่มศักยภาพการผลิตอาหารให้ผู้ประกอบการธุรกิจในไทยเพื่อสร้างโอกาสในตลาดใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต”