23 เมษายน 2568 แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงเดือนเมษายนนี้ ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ โดยคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 23 – 24 เมษายน 2568 ค่าดัชนีความร้อนจะอยู่ในระดับอันตรายมาก (สีแดง) ที่จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย (สีส้ม) รวม 35 จังหวัด ประกอบด้วย
ทั้งนี้ ค่าดัชนีความร้อนเป็นค่าอุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ขณะนั้นว่า อากาศร้อนเป็นอย่างไร (Feel like) ด้วยการวิเคราะห์หาค่าจากอุณหภูมิอากาศที่ตรวจวัดได้จริงกับความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเพื่อนำมาใช้ระบุความเสี่ยงที่ร่างกายได้รับผลกระทบจากความร้อน
เมื่อค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย (สีส้ม) ถึงอันตรายมาก (สีแดง) จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อน เช่น ผื่น ตะคริว ลมแดด เพลียแดด และฮีทสโตรก ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงที่สุดของโรคที่เกิดจากความร้อน อาจทำให้เสียชีวิตได้
โดยผู้ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ผู้ที่ติดสุรา ผู้ที่มีภาวะทางจิตเวช ผู้โรคที่มีภาวะอ้วนและผู้ที่มีโรคประจำตัว อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนว่า ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย จะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในพื้นที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นบางพื้นที่ อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยจึงแนะนำวิธีปฏิบัติตน เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน ได้แก่ หมั่นติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ค่าดัชนีความร้อน ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ และสังเกตสีปัสสาวะ หากมีสีเข้ม แสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ให้ดื่มน้ำทันที งดดื่มแอลกอฮอล์ ของมึนเมา เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม เป็นต้น สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
ผู้ที่รับประทานยาดังกล่าว จึงควรหมั่นสังเกตอาการตนเองหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ทันที ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เพื่อคอยสังเกตอาการซึ่งกันและกัน ผู้สูงอายุ ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด และสังเกตอาการผิดปกติเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลการพยากรณ์อากาศ และพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนจาก กรมอุตุนิยมวิทยา หรือติดตามแนวทางการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนจากกรมอนามัย รวมทั้งประเมินอาการเสี่ยงด้วยตนเองโดยใช้แบบสำรวจอนามัยโพล หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีผิวหนังร้อนแดง ชีพจรเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน รวมทั้งความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป ตอบสนองช้า พูดจาสับสน กระวนกระวาย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ก้าวร้าวประสาทหลอน ซึมลง เป็นลม หมดสติ
ซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ของฮีทสโตรก ให้รีบปฐมพยาบาล โดยผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายลดลงโดยเร็ว และนำรีบส่งโรงพยาบาลหรือโทร 1669 รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว