สถานการณ์สายพันธุ์เชื้อไวรัสโควิด 19 ในไทยคงมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอนจำนวน 8 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ JN.1* เป็นสายพันธุ์ที่เฝ้าระวังและมีสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง จำนวน 7 สายพันธุ์ ได้แก่
ทั้งนี้ สายพันธุ์ LP.8.1 มีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเทียบเท่ากับสายพันธุ์ XEC ที่เป็นสายพันธุ์ที่มีการระบาดมากที่สุดในปัจจุบันโดยสายพันธุ์ LP.8.1 มีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมในตำแหน่งโปรตีน Spike ได้แก่ S31-, F186L, R190S, R346T, V445R และ K1086R โดยการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง V445R นั้น
อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิด 19 ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันความรุนแรงจากสายพันธุ์นี้
นายแพทย์ยงยศ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ภาพรวมทั่วโลกจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า สายพันธุ์ XEC* มีแนวโน้มลดลง โดยมีอัตราการพบมากที่สุดในสัดส่วน 46.80% ส่วนสายพันธุ์ KP.3.1.1* และ JN.1* มีอัตราการพบลดลงเล็กน้อย ขณะที่ LP.8.1* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย JN.1* ยังคงเป็นสายพันธุ์หลัก พบจำนวน 1,454 ราย คิดเป็นสัดส่วนสะสม 64.97% ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่พบในไทย
ส่วนสายพันธุ์ XEC* และ LP.8.1* สัดส่วนที่พบยังคงน้อยกว่า 10% สายพันธุ์ KP.2, KP.3.1.1 และ LB.1 เริ่มพบตั้งแต่ช่วงต้นปีและมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 ถึงปัจจุบัน โดยสัดส่วนที่พบของแต่ละสายพันธุ์ยังน้อยกว่า 10% เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงร่วมมือกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่ผ่านฐานข้อมูลกลาง GISAID อย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันประเทศไทยเผยแพร่จีโนม จำนวนสะสม 47,494 ราย นับตั้งแต่เริ่มสถานการณ์ระบาดโรคโควิด 19 ในประเทศไทยเดือนมกราคม 2563 ถึง 31 มีนาคม 2568