บอร์ดโรคติดต่อฯ เคาะใช้ระบบ "สแกนม่านตา" คุมแรงงานเถื่อน

04 เม.ย. 2568 | 07:15 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2568 | 07:19 น.

"สมศักดิ์" ประชุมบอร์ดโรคติดต่อฯ เคาะใช้ระบบชีวมิติคุมแรงงานเถื่อน หลังไม่มีข้อมูลเป็นปัญหาการควบคุมโรค ย้ำชัดไม่ทราบเรื่องปมแพทยสภาเลื่อนถกคดี อดีตนายกฯทักษิณ

4 เมษายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เข้าร่วม 

นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข ระบุว่า วันนี้ประเทศไทยมีต่างด้าวเข้ามาในไทยประมาณ 5.3 ล้านคน ขณะที่กลุ่มบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัวมีประมาณ 1.2 ล้านคน เป็นปัญหาที่ไม่สามารถติดตามดูแลได้ ดังนั้น จึงใช้แนวทางของสภากาชาดเข้ามาช่วยในเรื่องของ Biometric Authentication System เพื่อให้สามารถควบคุมดูแลคนที่เกี่ยวข้องได้

"ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์กลุ่มผู้ไม่มีเอกสารประจำตัวเพื่อการสาธารณสุขและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นระบบการลงทะเบียนและยืนยันตัวตน โดยใช้เทคโนโลยีชีวมิติ การจดจำใบหน้า และการจำลายม่านตา เพื่อสร้างมาตรฐานการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์อย่างแม่นยำ และสนับสนุนระบบบริการสาธารณสุขการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคในบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัว ซึ่งสภากาชาดไทย ได้ร่วมกับ กรมควบคุมโรค และ NECTEC ในการพัฒนาระบบขึ้น 

ระบบนี้ จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบสาธารณสุขของประเทศ สามารถให้บริการด้านสาธารณสุขได้อย่างถูกต้อง ถูกคน ถูกเวลา และถูกชนิด รวมถึงสามารถติดตามและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปัญหาที่ผ่านมา ประเทศไทย มีแรงงานข้ามชาติ ที่ยังไม่มีเอกสารระบุตัวตน เมื่อเจ็บป่วย หรือ รับวัคซีนป้องกันโรค จะสร้างปัญหาด้านการควบคุมโรค และในยามเกิดภัยพิบัติ บุคคลกลุ่มนี้ ไม่มีข้อมูลในฐานข้อมูล ก็จะทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ 

บอร์ดโรคติดต่อฯ เคาะใช้ระบบ "สแกนม่านตา" คุมแรงงานเถื่อน

ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นชอบในหลักการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีชีวมิติ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และกทม. ประสานงานกับสภากาชาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาจัดทำระบบและแนวทางปฎิบัติเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อ และเสนอแผนปฎิบัติการ ต่อคณะรัฐมนตรี ต่อไป 

นอกจากนี้ที่ประชุมฯได้พิจารณาเรื่องการเสริมวัคซีนโรคหัดในกลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนใต้ และในจ.สงขลาบางส่วน เนื่องจากมีเด็กที่ติดหัดมากกว่าอัตราที่ควรจะเป็น จึงได้ขอให้มีวัคซีนเสริม  

ต่อคำถามกรณีเตรียมส่งทีมแพทย์ไปช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวที่เมียนมาซึ่งล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า จะเกิดอันตรายและไม่ปลอดภัยนั้น นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งแพทย์ไปลำพังเฉพาะในส่วนของสาธารณสุขแต่ถ้ากระทรวงการต่างประเทศร้องขอมาก็เตรียมความพร้อมรอไว้ทีมละ 40 ชีวิต จำนวน 2 ทีม และที่ปรึกษา คือ นายวิชัย ไชยมงคล ซึ่งมีประสบการณ์ที่เมียนมาสมัยเกิดพายุนากิส ทราบดีถึงความไม่ปลอดภัยจึงอยากจะไปช่วยด้วยถ้าจำเป็นต้องไป

บอร์ดโรคติดต่อฯ เคาะใช้ระบบ "สแกนม่านตา" คุมแรงงานเถื่อน

ยืนยันว่า ไม่ใช่การเข้าไปโดยลำพัง เป็นการเตรียมความพร้อม คือ ถ้าขอมาก็ต้องจัดให้เพราะเป็นรัฐที่จะต้องดูแลทั้งในด้านคุณธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราเป็นผู้ตาม เราไม่ได้เป็นผู้นำ แต่เราจะทำความพร้อมไว้ให้กับตัวเราเอง

พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข ได้ตอบข้อซักถามกรณีที่คณะกรรมการแพทย์สภาเลื่อนประชุมพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ รพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพราะเพิ่งได้รับเอกสารใหม่ หรือ ตั้งใจหรือไม่นั้น

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบจริง ๆ เพราะไม่ได้เป็นแพทย์สภา เมื่อถามต่อว่า ไม่ได้เป็นคำสั่งจากใครลงมาใช่หรือไม่ที่เลื่อนประชุม นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ทราบจริง ๆ