กินเค็ม-ดื่มน้ำเยอะเกิน-ใช้ยาผิด พฤติกรรมทำร้ายหัวใจสู่ภาวะล้มเหลวที่ไม่เคยรู้

20 ธ.ค. 2568 | 22:15 น.

รู้หรือไม่ พฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างการกินรสจัดหรือการใช้ยาแก้ปวดบางชนิด อาจเป็นตัวจุดชนวนภาวะหัวใจล้มเหลว มาเช็ก 8 ข้อห้ามและข้อระวังเพื่อปรับพฤติกรรมก่อนหัวใจจะอ่อนแรงจนแก้ไม่ทัน

KEY

POINTS

  • การกินอาหารรสเค็มจัดหรือมีโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและความดันโลหิตสูงขึ้น เพิ่มภาระให้หัวใจทำงานหนัก
  • การดื่มน้ำมากเกินความจำเป็นในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะน้ำเกินและคั่งในปอดจนเกิดอาการเหนื่อยหอบ
  • การใช้ยาแก้ปวดลดการอักเสบบางชนิดในกลุ่ม NSAIDs โดยไม่ระมัดระวัง อาจส่งผลให้เกิดการคั่งของน้ำและเกลือแร่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจ

ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ไม่ได้หมายถึงการที่หัวใจหยุดเต้นในทันที แต่เป็นสภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลงจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายคนอาจใช้ชีวิตปกติโดยไม่รู้ตัวว่าพฤติกรรมบางอย่างกำลังบั่นทอนหัวใจทีละน้อย การเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยงและการสังเกตสัญญาณเตือนจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยรักษาชีวิตและคุณภาพชีวิตให้ยืนยาว ซึ่งการดูแลหัวใจให้แข็งแรงเริ่มต้นจากการตระหนักถึง 8 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ดังนี้

1. พฤติกรรมการกินและโซเดียม

การรับประทานอาหารรสเค็มจัดหรืออาหารแปรรูปที่มีโซเดียมสูง เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากเกินไป ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและหัวใจต้องแบกรับภาระหนักในการสูบฉีดเลือด

2. การใช้ยาบางชนิดโดยไม่ระวัง

การใช้ยาแก้ปวดลดการอักเสบในกลุ่ม NSAIDs (เช่น ยาแก้ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อบางประเภท) อาจส่งผลให้เกิดการคั่งของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่มีพื้นฐานการทำงานของหัวใจไม่แข็งแรง

3. สมดุลของน้ำในร่างกาย

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ การดื่มน้ำในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะขับออกเป็นปัสสาวะได้ทัน อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำเกิน ซึ่งน้ำเหล่านี้อาจเข้าไปคั่งในปอดทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบได้

กินเค็ม-ดื่มน้ำเยอะเกิน-ใช้ยาผิด พฤติกรรมทำร้ายหัวใจสู่ภาวะล้มเหลวที่ไม่เคยรู้

4. ความผิดปกติของจังหวะหัวใจ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นสะดุด ล้วนส่งผลให้การทำงานของหัวใจเสียสมดุลและนำไปสู่สภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะยาว

5. โรคหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจ

เมื่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบหรือตัน จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและออกซิเจน จนกระทั่งกล้ามเนื้อบางส่วนตายลงและไม่สามารถบีบตัวได้ตามปกติ

6. สารเสพติดและแอลกอฮอล์

การสูบบุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือดและทำให้เลือดหนืดตัว ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องมีฤทธิ์เป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง ทำให้หัวใจโตและบีบตัวอ่อนแรงลง

7. ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น

ปัญหาสุขภาพอย่าง ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ การติดเชื้อรุนแรงในร่างกาย หรือแม้แต่ภาวะซีด (โลหิตจาง) จะบีบบังคับให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่าตัวเพื่อรักษาการไหลเวียนของออกซิเจน

8. โรคเรื้อรังที่ขาดการควบคุม 

โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างถูกต้อง จะค่อยๆ ทำลายระบบหลอดเลือดและทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวและแข็ง จนในที่สุดหัวใจก็จะไม่สามารถรับหรือส่งเลือดได้อย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นภาวะหัวใจล้มเหลวป้องกันได้ด้วยการ "คุมอาหาร เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ" เพื่อรับการรักษาได้ทันท่วง