เจ๋ง! ไทยเจ้าภาพ Global Wellness Summit 2026 งานประชุมเวลเนสโลกที่ภูเก็ต

ล่าสุดประเทศไทยสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญบนเวทีเศรษฐกิจโลก เมื่อ สถาบัน Global Wellness Institute (GWI) ประกาศให้จังหวัดภูเก็ตได้รับสิทธิ์เป็น เจ้าภาพการประชุมสุดยอด Global Wellness Summit 2026 (GWS 2026)

โดยเป็นงานประชุมชั้นนำของโลกด้านเศรษฐกิจสุขภาพ (Global Wellness Economy) ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 5.6 ล้านล้านบาท และเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจอนาคตที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก

 

การเสนอตัวครั้งนี้นำโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) – สสปน. (TCEB) ร่วมกับ จังหวัดภูก็ต และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ธีม “The Symphony of Wellness”

โดยมุ่งวางตำแหน่งให้ประเทศไทยจากประเทศที่มีชื่อเสียงด้าน Wellness Tourism ไปสู่การเป็น ผู้นำด้าน Wellness Economy ระดับโลก อย่างแท้จริง

การจัดงานดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายน 2569 คาดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย CEO จาก Fortune 500 และนักวิจัยจากกว่า 30 ประเทศ จำนวนไม่น้อยกว่า 600 คน

สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ โดยตรงกว่า 300 ล้านบาท และสร้าง ROI มากกว่า 15 เท่า จากการโอกาสการลงทุน การเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการพัฒนานโยบายสาธารณสุขเชิงสุขภาพในอนาคต

ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่ากรมฯ มุ่งมั่นขับเคลื่อนศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สู่เวทีสากลอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน 

การได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Global Wellness Summit 2026 (GWS 2026) ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ แต่คือจุดเริ่มต้นของการยกระดับประเทศไทยสู่บทบาทผู้นำด้านเวลเนส ของโลกอย่างแท้จริง

ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เผยว่า
การคว้าเวที Global Wellness Summit 2026 คือ ชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์และนโยบายประเทศ ที่ตอกย้ำว่า 
MICE ไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยว แต่คือ Economic Engine ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอนาคตอย่างแท้จริง

ทีเส็บ ได้นำแนวคิด Color Economy โดยเฉพาะ White Economy หรือ เศรษฐกิจเพื่อสุขภาวะ มาสร้างตำแหน่งใหม่ให้ประเทศไทยในฐานะผู้เล่นสำคัญของ Global Wellness Economy และเป็นพลังขับเคลื่อนที่เปลี่ยน Wellness 
Tourism สู่ Wellness Economy อย่างยั่งยืน พร้อมเปิดประตูให้ประเทศไทยดึงดูดเงินลงทุน ความร่วมมือ
ระดับนานาชาติ และโอกาสการเติบโตใหม่ที่มีคุณค่าเข้าสู่ประเทศในระยะยาว

"นิภา นิรันดร์นุต" กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่าประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Global 
Wellness Summit 2026 (GWS 2026) ณ จังหวัดภูเก็ต การรับสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพต่อจากเมืองดูไบเจ้าภาพใน
ปีนี้ 

สะท้อนและตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของไทยในฐานะศูนย์กลางการบริการด้านสุขภาพและ Wellness ชั้นนำ
ของโลก ที่ได้รับความเชื่อมั่นอย่างยาวนานจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศในภูมิภาค GCC

โดยเฉพาะชาวยูเออีจำนวนมากกว่า 1.7 แสนคน เดินทางไปเยือนไทยในแต่ละปี ต่างประทับใจในคุณภาพการ
บริการทางการแพทย์และ Wellness ของไทย 

โดยตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่ฯ และทีมประเทศไทยในยูเออีได้ร่วมกันผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นหนึ่งในจุดหมายด้านสุขภาพชั้นนำของโลก และส่งเสริม

การเติบโตของตลาด Medical & Wellness Tourism อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริม
ภาพลักษณ์และยกมาตรฐานการให้บริการ ‘นวดไทย’ ในฐานะภูมิปัญญาไทยและหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ที่จับต้องไม่ได้ที่ชาวไทยทุกคนภาคภูมิใจ

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม กรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าภูเก็ตได้ปรับยุทธศาสตร์ของจังหวัดและให้ความสำคัญกับเรื่องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนพื้นฐานการมีสุขภาพที่ดีของประชาชนและผู้มาเยือนบนแนวคิด Longevity Destination 

การเป็นเจ้าภาพ Global Wellness Summit เป็นบันไดขั้นสำคัญที่จะยกระดับระบบนิเวศของการบริการเวลเนสและการแพทย์ที่เอื้อต่อการให้บริการที่มีคุณภาพต่อประชาชนและผู้มาเยือน และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศไทยในการสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพการ
บริการและนวัตกรรมสุขภาพสู่มาตรฐานระดับโลกต่อไป

ภูเก็ตกำลังก้าวจาก World-class Tourism City สู่ Global Wellness Capital อย่างเต็มศักยภาพ โดยการได้
เป็นเจ้าภาพ Global Wellness Summit 2026 ไม่ใช่เพียงการจัดงานระดับโลก แต่คือการประกาศพลังเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศไทยในเวทีนานาชาติตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานการแพทย์ นวัตกรรมสุขภาพ 

การลงทุนระดับสูง ไปจนถึง White Economy และ Silver Economy ซึ่งจะเร่งให้ภูเก็ตกลายเป็นแม่เหล็กการลงทุนด้านสุขภาพแห่งเอเชีย และตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจสุขภาพภูมิภาค พร้อมเสริมความเชื่อมั่นต่อระบบนิเวศสุขภาพ ไมซ์ของประเทศ และขับเคลื่อน Thailand’s Future Economy ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก