KEY
POINTS
ในงาน 55th Nation Group: THAILAND’s NEW PROSPECT ได้รับเกียรติจาก นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พูดในหัวข้อ The Future of Wellness Economy หรือเศรษฐกิจสุขภาพ ซึ่งถูกมองว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์เชิงป้องกัน
นาย ภูมิกิตติ์ กล่าวว่า โอกาสของไทยในการเป็น Wellness Tourism Destination หรือจุดหมายปลายทางที่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการทั้งการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ เช่น การเข้า สปา การ ออกกำลังกาย การกิน อาหารเพื่อสุขภาพ และการใช้บริการแพทย์เชิงป้องกันโรค
เพื่อให้ได้ Spending per day per head หรือค่าใช้จ่ายต่อหัวและ Length of stay หรือระยะเวลาพำนักที่ยาวนานขึ้น การพัฒนาตลาดนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวไทยและยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก
ดร.อาทิรัตน์ กล่าวว่า การเติบโตของ Global Wellness Economy ที่มีมูลค่า 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยในส่วนของการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพนั้น จะมีการเติบโตในหลายด้าน เช่น Real Estate ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในที่พักที่มีบริการทางสุขภาพโดยเฉพาะ เช่น Wellness Resorts และสถานที่พักที่มีการดูแลสุขภาพและการฟื้นฟูต่าง ๆ
นอกจากนี้เทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วใน Wellness Economy ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น Personal Life Care Preventive หรือการป้องกันโรคและการบำรุงรักษาร่างกายที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น Teledicine หรือการใช้ Variable Devices ที่ช่วยให้สามารถติดตามสุขภาพได้อย่างแม่นยำ
ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่ม Spending per head per day และ Length of stay ซึ่งจะช่วยให้ตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีมูลค่ามากขึ้น
นาย ภูมิกิตติ์ กล่าวว่า จุดแข็งของไทยในด้าน Thai Hospitality หรือการบริการที่มีเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ผสมผสานการดูแลสุขภาพและความสะดวกสบายจากการบริการที่อบอุ่นและเป็นมิตร
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการ พัฒนา Ecosystem หรือระบบนิเวศที่รองรับการเติบโตของ Wellness Economy ให้มีความยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้าง สุขภาพจิตที่ดีให้กับประชากรภายในประเทศ รวมถึงการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในบางด้าน เช่น พยาบาล ซึ่งจะเป็นปัญหาหากต้องขยายธุรกิจในด้านการดูแลสุขภาพได้อย่างเต็มที่
ส่วนโอกาสที่มาจากตลาดฮาลาลโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิมจากตะวันออกกลางที่กำลังมองหาการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะในช่วงที่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดกลุ่มนี้โดยเฉพาะในการให้บริการที่มีความสอดคล้องกับหลัก อาหารฮาลาล และการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่กำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไม่เพียงแค่การรักษา แต่ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพในระยะยาว
ทั้ง ดร.อาทิรัตน์ และ นายภูมิกิตติ์ เห็นตรงกันว่า Wellness Economy เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการพัฒนา Wellness Tourism ให้เป็นจุดขายที่สำคัญของประเทศ และการจัดงาน Wellness Event ระดับโลกในภูเก็ตในปีหน้า จะเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ศักยภาพของไทยในตลาดนี้