KEY
POINTS
สำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย “ยาดม” คือของใช้ติดกระเป๋าที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะพกไว้คลายเวียนหัว แก้หน้ามืด หรือช่วยให้รู้สึกสดชื่นในยามเหนื่อยล้า กลิ่นหอมเย็นจากหลอดเล็กๆ นี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว ทว่าเบื้องหลังความสดชื่นนั้น กลับมี “ความเสี่ยง” แอบซ่อนอยู่ หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือบ่อยเกินไป
ยาดมในท้องตลาดส่วนใหญ่มีส่วนประกอบหลัก 3 ชนิด คือ เมนทอล (Menthol), การบูร (Camphor) และ พิมเสน (Borneol) ซึ่งเป็นสารระเหยที่ให้กลิ่นหอมและความรู้สึกเย็นสดชื่นเมื่อสูดดม
แม้ยาดมจะช่วยให้รู้สึกดีในทันที แต่หากใช้บ่อยเกินไปหรือใช้ผิดวิธี ผลเสียที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด
1. เสพติดกลิ่นโดยไม่รู้ตัว
หลายคนมักหยิบยาดมมาดมเป็นนิสัย เมื่อรู้สึกง่วง เครียด หรือเบื่อหน่าย จนเกิดภาวะ “พึ่งพากลิ่น” ทางจิตใจ รู้สึกไม่สดชื่นหากไม่มีหลอดยาดมอยู่ใกล้ตัว
2. ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ
การสูดใกล้จมูกมากเกินไป โดยเฉพาะการดมแรงๆ เป็นประจำ จะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ บวมแดง หรือระคายเคืองจนหายใจลำบาก
3. เสี่ยงกระตุ้นอาการในผู้ป่วยภูมิแพ้และหอบหืด
สารระเหยในยาดมอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ หรือหอบหืด เกิดอาการกำเริบได้
4. ระคายเคืองผิวหนัง
บางคนใช้ยาดมหรือยาลมทาที่ผิวหนังเพื่อให้รู้สึกเย็น แต่การใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวหนังแห้ง แดง หรือแพ้สารเคมีในตัวยา
5. ผลกระทบต่อระบบประสาท
ในกรณีที่สูดดมสารเหล่านี้ในปริมาณสูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ปวดหัว คลื่นไส้ หรืออาเจียน โดยเฉพาะในเด็กเล็กซึ่งระบบประสาทยังไม่แข็งแรง
6.ดมได้แต่ควรพอดี
ควรดมในระยะห่างประมาณ 1 นิ้ว ไม่สูดแรง ไม่ใช้ต่อเนื่องทั้งวัน เพื่อให้ “สดชื่นได้อย่างปลอดภัย” ในทุกลมหายใจ
แม้ยาดมจะไม่ใช่สิ่งต้องห้าม แต่ควรใช้ด้วยความเข้าใจและพอดี เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์โดยไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียง หลีกเลี่ยงการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน และไม่ควรให้เด็กเล็กใช้เอง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองรุนแรง หากรู้สึกเวียนหัว แสบจมูก หรือคลื่นไส้ ควรหยุดใช้ทันที