63 ตัวแทนเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการฯ ร่วมลงชื่อส่งจม.เปิดผนึกจี้ สธ. ปิดช่องโหว่กัญชา

13 ต.ค. 2568 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2568 | 09:19 น.

ภาคีเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการและภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด ร่อนจม.เปิดผนึกถึง “พัฒนา” รมว.สธ. จี้ยกเลิกประกาศ “ระบุชื่อยาเสพติดประเภท 5” ชี้เป็นช่องโหว่ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ย้ำต้องเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น

KEY

POINTS

  • เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน 63 คน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เรียกร้องให้ปิดช่องโหว่ของนโยบายกัญชา
  • ข้อเรียกร้องหลักคือให้ยกเลิกประกาศ สธ. ฉบับวันที่ 8 ก.พ. 2565 ที่ปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาการใช้เพื่อสันทนาการ
  • มีเป้าหมายเพื่อนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง และควบคุมให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ที่รัดกุมเท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น

เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการและภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด ร่วมลงชื่อส่งจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้  กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดประเภท 5 ฉบับลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งถึงนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีใจความระบุว่า

นโยบายกัญชามีพลวัตรมากในช่วงหกปีที่ผ่านมา จากนโยบายกัญชาทางการแพทย์ในปี 2562 (สูบและจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการไม่ได้ ปลูกกัญชาได้เฉพาะเพื่อการแพทย์และต้องขออนุญาตเท่านั้น) มาสู่นโยบายกัญชาเพื่อสันทนาการปี 2565 ในนามนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ (สูบกัญชาเพื่อสันทนาการได้ ปลูกกัญชาได้เสรี โดยมีการควบคุมการจำหน่ายเล็กน้อย) และ กลับมาสู่นโยบายกัญชาทางการแพทย์อีกครั้ง ในปี 2568

โดยมีการควบคุมให้จำหน่ายได้เฉพาะกัญชาทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังปล่อยให้สูบกัญชาเพื่อสันทนาการได้โดยไม่ผิดกฎหมายยาเสพติด และ ปลูกกัญชาได้อย่างเสรี   เดิมนโยบายกัญชาทางการแพทย์ภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติดก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน แต่นโยบายกัญชาเพื่อสันทนาการก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ ทั้งการเจ็บป่วยจากการใช้กัญชาจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การเสพติดกัญชา และการมีอาการวิกลจริตจากการใช้กัญชา (ดูเอกสารแนบท้าย)

ในเร็วๆนี้มีเครือข่ายบุคคลยื่นข้อเสนอ 3 ข้อให้กระทรวงสาธารณสุข คือ

(1) เปิดโอกาสให้มีผู้ซื้อและใช้กัญชาได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์  

(2) ลดการตรวจวิเคราะห์เพื่อควบคุมมาตรฐานการปลูกกัญชา  

(3) ผ่อนคลายให้ร้านจำหน่ายกัญชาไม่ต้องเป็นสถานพยาบาล  

63 ตัวแทนเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการฯ ร่วมลงชื่อส่งจม.เปิดผนึกจี้ สธ. ปิดช่องโหว่กัญชา

เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด มีความคิดเห็นว่าข้อเสนอเหล่านี้จะก่อให้เกิดปัญหา 3 ประการสืบเนื่องจากข้อเสนอแต่ละข้อดังนี้

(1) ผู้ประสงค์เสพกัญชาเพื่อสันทนาการ สามารถซื้อกัญชาได้โดยง่าย เพราะไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์  

(2) การลดการควบคุมมาตรฐานการปลูกกัญชา เป็นการคุ้มครองผู้ปลูกกัญชา โดยลดการคุ้มครองผู้บริโภค  

(3) จะเกิดร้านขายกัญชาทั่วไปอย่างกว้างขวางอีกครั้ง โดยไม่อยู่ในระบบกัญชาทางการแพทย์ เพราะร้านจำหน่ายกัญชาไม่ต้องเป็นสถานพยาบาล  

ข้อเสนอเหล่านี้จะทำให้กัญชาทางการแพทย์กลายเป็นกัญชาเพื่อสันทนาการในรูปแบบแอบแฝงเท่านั้น ผลกระทบด้านลบต่างๆจะกลับมาอีกครั้ง   กระทรวงสาธารณสุขไม่ควรทำตามข้อเสนอเหล่านี้

อีกทั้งแต่เดิมนโยบายกัญชาทางการแพทย์ภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นนโยบายกัญชาทางการแพทย์ที่รัดกุม แต่ด้วยการปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติดภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดประเภท 5 ฉบับลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นจุดตั้งต้นของปัญหาต่างๆที่ตามมามากมาย  

เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด จึงขอเสนอให้กระทรวงสาธารณสุข เสนอคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ยกเลิกประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าว   เพื่อให้ประเทศไทยกลับไปเป็นกัญชาทางการแพทย์ที่รัดกุมอีกครั้ง โดยกระทรวงสาธารณสุขสามารถที่จะพัฒนาให้เป็นระบบกัญชาทางการแพทย์ที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง   ปัญหาจากกัญชาเพื่อสันทนาการจะหมดไป   ประชาชนจะเห็นผลเชิงประจักษ์และชื่นชมกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลจากการดำเนินนโยบายกัญชาที่ถูกต้องต่อไป

รายชื่อเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ต้านภัยยาเสพติด

๑. นพ.ชาตรี บานชื่น อดีตกรรมการแพทยสภา อดีตอธิบดีกรมสุขภาพจิต และ อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

๒. นายนิยม เติมศรีสุข อดีตเลขาธิการ ป.ป.ส. และ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม

๓. ดร.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ ที่ปรึกษาคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ สหประชาชาติ

๔. ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิทยาศาสตร์ Centre for Addiction and Mental Health, Canada

๕. รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กุมารแพทย์ผู้เชียวชาญด้านการแพทย์วัยรุ่น และ ผู้จัดการโครงการต้นทุนชีวิต ประเทศไทย

๖. ศ.นพ.มานิต ศรีสุรภานนท์ ศาสตราจารย์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

๗. ศ.นพ.ชวนันท์ ชาญศิลป์ ศาสตราจารย์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

๘. พล.ท.นพ.พิชัย แสงชาญชัย ประธานชมรมจิตเวชศาสตร์การเสพติดแห่งประเทศไทย

๙. รศ.ดร.ภญ.จุฑามณี สุทธิสีสังข์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ อาจารย์ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

๑๐. รศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย

๑๑. ผศ.ดร.อุษณีย์ พึ่งปาน ที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

๑๒. อ.ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร หน่วยวิชาการเครือข่ายนักสาธารณสุขจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ (สปสส.) คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

๑๓. รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

๑๔. นพ.ไพศาล ปัณฑุกำพล สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี

๑๕. นพ.วิทยา จารุพูนผล อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนเก่น

๑๖. นพ.วิโรจน์ เยาวพลกุล แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๑๗. นพ.วัฒนา สุพรหมจักร แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๑๘. พล.อ.นพ.ชูศักดิ์ สุวรรณศิริกุล แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๑๙. พล.อ.ท.นพ.วิศิษฏ์ ดุสิตนานนท์ แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๒๐. นพ.เจริญ ปฏิภาณเทวา แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๒๑. พญ.ภาพิส เสงี่ยมพรพาณิชย์ ข้าราชการบำนาญ

๒๒. พญ.อรพินธ์ พจน์พริ้ง อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

๒๓. พล.อ.นพ.อิสสระชัย จุลโมกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ รพ.บางโพ  และอดีตผู้อำนวยการ รพ.พระมงกุฏเกล้าฯ

๒๔. นพ.พงษ์สันติ์ ลี้สัมพันธ์ แพทย์ รพ.หัวเฉียว

๒๕. นพ.ณัฐกุล แย้มประเสริฐ กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ รพ.มหาราชนครราชสีมา

๒๖. รศ.นพ.กำธร มาลาธรรม อายุรแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี

๒๗. นพ.สรรัตน์ เลอมานุวรรัตน์ แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๒๘. นพ.อธิคม สงวนตระกูล กลุ่มงานอายุรกรรม รพ.มหาราชนครราชสีมา

๒๙. พญ.สริฐา มหาศิริมงคล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.กลาง

๓๐. นพ.ปฏิเวช งามวิจิตวงศ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.กลาง

๓๑. พญ.วิภัสรา สวัสดี นายแพทย์ชำนาญการ รพ.บุรีรัมย์

๓๒. นายยศกร ขุนภักดี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนไม่นะกัญชาและยาเสพติด (YNAC)

๓๓. พญ.เสาวลักษณ์ นาคะพงษ์ อดีตผู้อำนวยการรพ.มหาสารคาม

๓๔. นพ.เสถียร เตชะไพฑูรย์ แพทย์ รพ.บำรุงราษฎร์

๓๕. นายวิฑูรย์ เตชะพัฒนสุนทร Auditor บริษัทมหาชนหลายแห่ง

๓๖. นายวันชัย ตุลาธมุตติ วิศวกร

๓๗. นายชัยโรจน์ วัฒนวรรณเวชช์ เจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับกระจก

๓๘. นพ.ซื่อตรง เจียมจรรยา แพทย์เกษียณ อดีตอาจารย์คณะแพทย์ รามาธิบดี

๓๙. พญ.ดวงเดือน ศิลปะสุวรรณ แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๔๐. นพ.ธนวรรฒน์ โชติมา ศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๔๑. นพ.นคร ภิญญาวัฒน์ ศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๔๒. นพ.พรเทพ จันทวานิช ที่ปรึกษาคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล

๔๓. พอ.นพ.ศักดิ์ชัย อติโพธิ แพทย์เกษียณ กรมการแพทย์ทหารบก

๔๔. พญ.สุรภี เรืองสุวรรณ อดีตผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

๔๕. ศ.เกียรติคุณ พญ.อังกาป ปราการรัตน์ อดีตอาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๔๖. ศ.เกียรติคุณ พญ.กฤษณา เพ็งสา อดีตอาจารย์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล

๔๗. พญ.อุไภยพรรณ ลุวีระ ศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๔๘. พญ.สุนันท์ ไรวา ศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๔๙. พลตรี พญ.ยุพาพิน จุลโมกข์ แพทย์เกษียณ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า กรมแพทย์ทหารบก

๕๐. นพ.วรพล ชีรณานนท์ ศิษย์เก่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, แพทย์ รพ.สุขุมวิท

๕๑. พญ.กาญจนา ชัยกิตติศิลป์ ศิษย์เก่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, แพทย์ รพ.กรุงเทพ

๕๒. พล.อ. นพ.สีมา ศุภเกษม แพทย์เกษียณ รพ.พระมงกุฏเกล้า กรมแพทย์ทหารบก

๕๓. ศ.เกียรติคุณ นพ.เกรียงศักดิ์ จีระแพทย์ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๕๔. ผศ.นพ.เอื้อพงศ์ จตุรธำรง อดีตรองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๕๕. พลโท.พญ.ทิพย์สุรีย์ นาคประสิทธิ์ ข้าราชการเกษียณ รพ.พระมงกุฏเกล้า กรมแพทย์ทหารบก

๕๖. รศ.พญ.ชลีรัตน์ ดิเรกวัฒนชัย กรรมการและเหรัญญิก ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

๕๗. นพ.ภิญโญ เปลี่ยนรังษี แพทย์โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน

๕๘. พญ.ประภาพรรณ นาควัชระ ศิษย์เก่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๕๙. พญ.รุ่งเรือง กาญจนภูมิ แพทย์แผนภูมิแพ้ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ศูนย์การแพทย์

๖๐. นพ.สมหวัง อภิชัยรักษ์ ศิษย์เก่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

๖๑. พลโท พญ.กมลพร สวนสมจิตร อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานแพทย์ทหาร กองบัญชาการ กองทัพไทย

๖๒. พญ.พูนศรี เลขะกุล อดีตอาจารย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์

๖๓. นพ.ศัลยเวทย์ เลขะกุล อดีตประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกฯ และ อดีตเลขาธิการมูลนิธิหูคอจมูกชนบทฯ และ รางวัลคนไทยตัวอย่างมูลนิธิธารน้ำใจ

 

เอกสารแนบ

“ข้อมูลใหม่สะท้อนปัญหาจากการปลดกัญชาเสรี”

มีข้อเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ใหม่ๆเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบจากการปลดกัญชาเสรี และยินดีให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งหากการปลดกัญชาเสรีก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบจริงๆ   เอกสารฉบับนี้ขอนำเสนอข้อมูลดังกล่าว 

1. จำนวนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในรายเดือนที่มารับการรักษาด้วยอาการเป็นพิษจากกัญชาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันทันทีหลังปลดกัญชาเสรี และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คิดเป็นเพิ่มขึ้น 6-7 เท่า  จำนวนผู้ป่วยนอกที่มารับการรักษาด้วยอาการเป็นพิษจากกัญชา (cannabis poison) เพิ่มจาก 52 ราย/เดือน ในเดือนพ.ค. 2565 เป็น 342 ราย/เดือน ในเดือน ก.พ. 2566 คิดเป็นเพิ่มขึ้น 6.6 เท่าหลังปลดกัญชาเสรี จำนวนผู้ป่วยในรักษาด้วยอาการเดียวกันเพิ่มจาก 18 ราย/เดือน ในเดือน พ.ค.. 2565 เป็น 132 ราย/เดือน ในเดือน ก.พ. 2566 คิดเป็นเพิ่มขึ้น 7.3 เท่าหลังปลดกัญชาเสรี

63 ตัวแทนเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการฯ ร่วมลงชื่อส่งจม.เปิดผนึกจี้ สธ. ปิดช่องโหว่กัญชา

ที่มา: MOPH Health Data Center

2. จำนวนผู้ป่วยเสพติดกัญชาที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขต่อปี เพิ่มขึ้น 2-5 เท่า และ จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการโรคจิตจากการใช้กัญชาเพิ่มขึ้น 3-5 เท่า   จำนวนผู้ป่วยนอกที่รับการรักษาด้วยอาการติดกัญชาต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 16,643 รายในปี 2562 เป็น 32,634 รายในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 2 เท่า)

จำนวนผู้ป่วยในที่รับการรักษาด้วยอาการติดกัญชาต่อปีเพิ่มจาก 1,137 รายในปี 2562 เป็น 5,924 รายในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 5 เท่า)   จำนวนผู้ป่วยนอกที่รับการรักษาด้วยอาการโรคจิตจากการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นจาก 6,585 ในปี 2562 เป็น 20,502 รายในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 3 เท่า) และจำนวนผู้ป่วยในที่รับการรักษาด้วยอาการโรคจิตจากการใช้กัญชาเพิ่มจาก 742 รายในปี 2562 เป็น 3,989 รายในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 5 เท่า)

63 ตัวแทนเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการฯ ร่วมลงชื่อส่งจม.เปิดผนึกจี้ สธ. ปิดช่องโหว่กัญชา

ที่มา: MOPH Health Data Center

3. จำนวนผู้ป่วยต่อเดือนที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการที่เกิดจากการใช้กัญชาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวจังหวัดหนึ่ง เพิ่มขึ้นถึง 22 เท่า หลังปลดกัญชาเสรีสองปี   จำนวนผู้ป่วยเพิ่มจาก 4 รายในเดือน มิ.ย. 2565 (เดือนที่ปลดกัญชาเสรี) เป็น 87 รายในเดือน เม.ย. 2567 (หนึ่งเดือนก่อนครบสองปีปลดกัญชาเสรี)   โดยเป็นผู้ป่วยชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด   สะท้อนให้เห็นว่าปัญหานโยบายกัญชาเสรีอาจส่งผลกระททางลบต่อบธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยในอนาคต

63 ตัวแทนเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการฯ ร่วมลงชื่อส่งจม.เปิดผนึกจี้ สธ. ปิดช่องโหว่กัญชา

ที่มา: โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวจังหวัดหนึ่ง

4. ต้นทุนการรักษาผู้ป่วยก่อนปลดกัญชา ปี 2562-2564 คิดเป็นค่าใช้จ่ายปีละ 3,200-3,800 ล้านบาท แต่เมื่อปลดล็อกกัญชาปี 2565-2566 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 15,000-21,000 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 5 เท่า

ปี                    ต้นทุนผป.ใน             ต้นทุนผป.นอก                  ต้นทุนทางอ้อม                  รวม

2562                    2,496                          173                                   1,068                            3,737

2563                     2,081                            162                                    1,057                            3,299

2564                     2,503                            297                                    1,095                            3,896

2565                     14,035                        1,561                                  5,702                            21,298

2566                     9,988                          1,196                                  4,645                            15,829

ที่มา: ผศ.(พิเศษ) นพ.ปราการ ถมยางกูร สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย

 

5. ปัญหาจากการปลดกัญชาเสรีจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน หากยังคงปล่อยให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด เช่นเดียวกับปัญหาจากการสูบบุหรี่ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดในประเทศสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 20-30 ปี หลังจากที่บุหรี่ถูกสูบอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวลาของการสะสมผลร้ายจากการสูบบุหรี่ในร่างกาย (ดูรูปข้างล่างนี้)  

  63 ตัวแทนเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการฯ ร่วมลงชื่อส่งจม.เปิดผนึกจี้ สธ. ปิดช่องโหว่กัญชา

ที่มา: Rose et al. (2023). (https://www.ahajournals.org/doi/10.1161/CIR.0000000000001160)

จากข้อมูลผลกระทบด้านลบเชิงประจักษ์ใหม่ๆเหล่านี้ ที่บ่งชี้ว่าหลังจากปลดกัญชาเสรี มีผู้ป่วยจากการใช้กัญชามากขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรักษาพยาบาลสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบด้านลบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจะต้องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งจะทำให้หยุดการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการได้ทันที โดยยังสามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ในระหว่างที่รอการออกแบบนโยบายและกฎหมายกัญชาที่ต้องใช้เวลาดำเนินการอีกระยะหนึ่ง

สรุปข้อมูลใหม่ที่สะท้อนปัญหาของนโยบายปลดกัญชาเสรี

1. จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการเป็นพิษจากกัญชาเพิ่มขึ้น 6-7 เท่า หลังปลดกัญชาเสรี

2. จำนวนผู้ป่วยเสพติดกัญชา เพิ่มขึ้น 2-5 เท่า หลังปลดกัญชาเสรี

3. จำนวนผู้ป่วยโรคจิตจากการใช้กัญชา เพิ่มขึ้น 3-5 เท่า หลังปลดกัญชาเสรี

4. จำนวนผู้ป่วยจากการใช้กัญชาในจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้นถึง 22 เท่า หลังปลดกัญชาเสรี

5. ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ป่วยจากการใช้กัญชา เพิ่มขึ้น 5 เท่า หลังปลดกัญชาเสรี