R&D การแพทย์โตแรง ไทยเร่งขยายศูนย์วิจัยคลินิกรับงานใหญ่ระดับโลก

30 พ.ค. 2568 | 03:49 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2568 | 06:31 น.

สวรส. จับมือโนโว นอร์ดิสค์ ยกระดับระบบวิจัยทางคลินิกในประเทศ เพิ่มโอกาสเข้าถึงยานวัตกรรม ลดโรคร้ายเรื้อรัง

ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการพัฒนาระบบสุขภาพและการยกระดับ คุณภาพชีวิตของประชาชน โดยงานวิจัยทางคลินิกนับเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ช่วยพัฒนาเทคโนโลยี ทางการแพทย์ ทั้งที่เป็นยา อุปกรณ์ รวมถึงแนวทางการรักษาใหม่ๆ

เพื่อตอบโจทย์การดูแลผู้ป่วยในโรคที่ซับซ้อนและ หายาก จากรายงานสถานการณ์ทั่วโลกพบว่า แนวโน้มการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านการแพทย์ยังคงเพิ่มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และประเทศในเอเชียตามลำดับ สำหรับประเทศไทยมีปัจจัย สนับสนุนหลายประการ โดยในการประเมินศักยภาพในการเป็นสถานที่ทำวิจัยทางคลินิก ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม opportunity tier 

R&D การแพทย์โตแรง ไทยเร่งขยายศูนย์วิจัยคลินิกรับงานใหญ่ระดับโลก

เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยที่พร้อมเข้าสู่การรักษาจำนวนมาก จึงมีโอกาสที่ผู้สนับสนุนการวิจัย (sponsors) สามารถหาอาสาสมัครเพื่อเข้าร่วมโครงการวิจัยพัฒนายาหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ได้มาก สามารถทดแทนกลุ่ม ประเทศดั้งเดิมอย่างยุโรปหรืออเมริกา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยสูง  

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และบริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “โนโว นอร์ดิสค์” ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนครั้งสำคัญ เพื่อ ยกระดับมาตรฐานวิจัยทางคลินิก และสนับสนุนให้เกิดการขยายโอกาสของการดำเนินงานด้านการวิจัยทางคลินิกใน ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

โดยมี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ลงนามร่วมกับ คุณเอ็นริ โก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี ฯพณฯ นายแดนนี แอนนัน เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องมาตุลี 2 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอน เวนชั่น  

R&D การแพทย์โตแรง ไทยเร่งขยายศูนย์วิจัยคลินิกรับงานใหญ่ระดับโลก

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า สวรส. ในฐานะหน่วยบริหารจัดการ ทุนวิจัยระบบสุขภาพของประเทศ และเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการวิจัยทางคลินิกของประเทศไทย (Thailand Clinical Research Collaboration หรือ Thailand CRC)

 

เรามองเห็นความหวังในการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก ประเทศไทยมีต้นทุนและความพร้อม ทั้งในด้านโครงสร้างการบริหารระดับประเทศ และการจัดการทรัพยากรสาธารณสุข ได้แก่ สถานพยาบาลทุกระดับ ตั้งแต่โรงเรียนแพทย์ที่มีศักยภาพสูงไปจนถึงสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิที่กระจายอย่าง ทั่วถึงในทุกภูมิภาค

มีสถาบันการศึกษาชั้นนำสำหรับผลิตแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขหลากหลายสาขา ตลอดจนการมี หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมประชาชนทั้งประเทศ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ จำเป็นของประชาชนอย่างกว้างขวาง  

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า แต่ในความพร้อมและต้นทุนที่มี ยังต้องมีการพัฒนาระบบสนับสนุนด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งการพัฒนาศักยภาพศูนย์วิจัยคลินิกที่ได้มาตรฐานสากลให้กระจายไปยังสถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข และมี การดำเนินงานร่วมกันเป็นเครือข่าย การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการวิจัยคลินิก

R&D การแพทย์โตแรง ไทยเร่งขยายศูนย์วิจัยคลินิกรับงานใหญ่ระดับโลก

รวมทั้งการบริหาร จัดการให้เกิดระบบนิเวศที่สนับสนุนให้เกิดการดำเนินการวิจัยทางคลินิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการบูรณาการ ระหว่างผู้ดูแลกฎหมายในส่วนกลางและจริยธรรมงานวิจัย การสร้างระบบจัดการข้อมูลสุขภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง เศรษฐกิจทางด้านสุขภาพให้กับประเทศ และเป็นช่องทางในการเข้าถึงยาใหม่ของอาสาสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

“สวรส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบให้จัดตั้งเครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิกระดับประเทศ ซึ่งเรามี เป้าหมายที่จะพัฒนาศักยภาพศูนย์วิจัยทางคลินิกที่ได้มาตรฐาน จำนวน 30 ศูนย์ พัฒนาบุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล  เภสัชกร นักวิจัย ฯลฯ พัฒนาระบบจัดการงานวิจัยเพื่อรองรับงานวิจัยยา

และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ พัฒนาระบบ สารสนเทศงานวิจัยทางคลินิกในประเทศ ตลอดจนการขับเคลื่อนการดำเนินงานในรูปแบบเครือข่าย และได้พัฒนาความ ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีภารกิจทางด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง 

นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้จัดการทั่วไป โนโว นอร์ดิสค์ กล่าวว่า โนโว นอร์ดิสค์ เห็นถึงศักยภาพในการเป็น ผู้นำการวิจัยพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศไทยของ สวรส. จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับ สวรส. ในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริม การพัฒนาและการดำเนินการวิจัยทางคลินิกในประเทศไทยให้มีมาตรฐาน

และมีศักยภาพในการรองรับการลงทุนทางด้าน การวิจัยทางคลินิกมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ลดอัตราการเสียชีวิต และลด ความชุกของโรคต่างๆ