29 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ซึ่งได้มีการประชุมไปแล้ว 3 ครั้งและการทำงานของคณะกรรมการได้สิ้นสุดลง หลังจากได้สรุปส่งความเห็นรายบุคคลให้กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีรายงานว่า นายสมศักดิ์ได้มีการทำหนังสือส่งถึงแพทยสภาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
สำหรับในเนื้อหารายละเอียดนั้นไม่ทราบมากนัก เบื้องต้นทราบว่า นายสมศักดิ์ได้มีการส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภาซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 คน โดยมี 1 คน ที่ถูกยกคำร้อง อีก 3 คน ถูกลงโทษตักเตือน กับพักใช้ใบอนุญาต
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ได้ให้ความเห็นกลับไปเป็นรายบุคคล มีทั้งส่วนที่เห็นด้วยกับมติแพทยสภา และมุมที่ให้แพทยสภานำไปพิจารณาด้วยซึ่งไม่ใช่เป็นเชิงคำสั่งว่า จะต้องทบทวนอะไรเพราะเป็นเรื่องที่บอร์ดแพทยสภาต้องไปพิจารณาต่อ
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนหลังจากที่ บอร์ดแพทยสภา ส่งเรื่องให้ นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข ได้พิจารณาแล้ว อาจมีคำสั่งยับยั้งมติได้ หรือ ถ้าไม่มีคำสั่งใด ๆ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ รมว.สธ.ได้รับมติให้ถือว่า รมว.สธ. ให้ความเห็นชอบมตินั้น สำหรับกรณีหากสภานายกพิเศษ "เห็นชอบ" ตามติแพทยสภา สามารถนำเอามติมาทำเป็นคำสั่งแพทยสภาได้เลย
ตรงกันข้ามกรณี "ไม่เห็นชอบ" หรือ มีการวีโต้ ยังยั้ง มติจากนายสมศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ทางคณะกรรมการแพทยสภา จะต้องพิจารณามติดังกล่าวอีกครั้งในที่ประชุม
ทั้งนี้ หากต้องการยืนยันจะดำเนินการตามมติเดิมของแพทยสภา จะต้องมีเสียงเห็นชอบจาก กรรมการ เป็นจำนวน 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งคณะ ซึ่งปัจจุบันต้องมี 47 เสียง ถ้าได้ 47 เสียง เห็นชอบ ก็จะทำเป็นคำสั่งแพทยสภาได้ ทั้งนี้ คำสั่งแพทยสภาให้ลงโทษใด ๆ หรือยกข้อกล่าวโทษ นั้น ถือว่า เป็นที่สุด
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเนื่องจากมีระบบศาลปกครอง สำหรับ คำสั่งแพทยสภา ถือว่า เป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้เสียหายสามารถยื่นขอเพิกถอนคำสั่งได้โดยให้ศาลปกครองพิจารณาต่อไป