ทางรอดสาธารณสุขไทย 'หมอวี' แนะ 3 ระยะปฏิรูปทันทีอย่างจริงจัง

30 พ.ค. 2568 | 01:38 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2568 | 02:18 น.

เปิดข้อเสนอ 'หมอวี-วีระพันธ์ สุวรรณนามัย' แก้ปัญหาระยะสั้น-กลาง-ยาว เน้นงบประมาณ ตัดนโยบายใหม่ และแก้กฎหมาย-ปฏิรูประบบ เพื่อยืดอายุสาธารณสุขไทยให้มีความยั่งยืน

หลังจากที่ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา หรือ "หมอวี" ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ฐานเศรษฐกิจ” ที่มีการเผยแพร่ไปแล้ว 2 ตอน ฉายภาพให้เห็นสาเหตุว่าทำไม "อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง” และได้อธิบายภาพที่ไปที่มาความร้ายแรงของปัญหาและความซับซ้อนที่เกิดขึ้นในระบบสาธารณสุขไทยแล้ว

 

ซึ่งตอนนี้ เป็นตอนที่ 3 จากบทสัมภาษณ์ทั้งหมด ที่จะมาตอบคำถามสำคัญที่ตามมาคือ "แล้วเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร"

 

นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา

 

เพราะ "หมอวี" ไม่ได้เพียงแค่ชี้ปัญหา แต่ยังนำเสนอทางออกที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

ก่อนแก้ปัญหา - ต้องยอมรับว่ามีปัญหาจริง

 

"อันดับแรก จริงใจก่อน รับฟังและจริงใจที่จะแก้ก่อน แล้วยอมรับก่อนว่าเป็นปัญหา" หมอวีเน้นย้ำถึงสิ่งที่เขามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหา

 

การยอมรับปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกี่ยวข้องกับการยอมรับว่านโยบายหรือการบริหารงานที่ผ่านมาอาจมีข้อบกพร่อง "เมื่อวันที่ผมโพสต์ปรากฏว่า นักข่าวทุกสำนักติดต่อสัมภาษณ์ผมเต็มไปหมด จริงๆ จนผมบอกตรงๆ ผมไม่ได้อยากให้สัมภาษณ์ เพราะผมไม่อยากให้มันเป็นประเด็น แต่ผมแค่เรสแวร์เนสขึ้นมาเฉยๆ"

 

นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา

 

แต่การตอบสนองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับเป็นการปฏิเสธปัญหา "ก็ผ่านไปวันเดียว วันจันทร์ก็มีหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบโดยตรงท่านก็ออกมาพูดทันทีว่าไม่มีปัญหา ระบบสาธารณสุขไม่ล่ม อันนี้คือสิ่งที่เป็นปัญหา"

ทางออกระยะสั้น - อุดเงินทันทีและหยุดนโยบายใหม่

 

สำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หมอวี ระบุว่า โรงพยาบาลที่ขาดทุนนั้นขาดทุนจริงๆ ต้องยอมรับ ถ้าไปถามสปสช.เขาอาจจะบอกว่า มันเป็นแค่ตัวเลข แต่จริงๆ มันขาดทุนจริง เพราะว่ามันบริหารจัดการไม่ได้ เขาไม่สามารถจะไปสั่งยาได้ เพราะสั่งยาไปบริษัทยาไม่ปล่อยยาให้เขา

 

หมอวีชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ติดลบเกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลต่อประชาชนโดยตรง จะกระทบประชาชน นั่นคือตัวเลขจริง

 

"ท่านต้องหาเงินมาก่อน ไม่ว่าจะงบหน่วยไหน เอาไปให้เขาก่อน เขาจะได้มี fund flow ที่จะไปบริหารต่อได้"

 


การหยุดนโยบายใหม่ชั่วคราว

นอกจากการอุดเงินแล้ว หมอวียังเสนอให้หยุดนโยบายใหม่ๆ ชั่วคราว เพราะตอนนี้เราเห็นนโยบายสาธารณสุขผุดเป็นดอกเห็ด เป็นนโยบายประชานิยม แต่ต้องยอมรับว่านโยบายแบบนี้ดีกับประชาชน อันนี้ต้องยอมรับไว้ก่อน ปัญหาคืออะไร ผู้ปฏิบัติงานไม่พอ ปัญหาคือการสร้างดีมานด์ใหม่ในขณะที่ซัพพลายไม่เพิ่มตาม

 

"ถ้ามีนโยบายแล้วเงินมาจากไหน Demand กับ Supply มันไม่ตรงกัน ท่านสร้าง demand ใหม่ขึ้นมาเพียบเลย ในขณะที่ supply ท่านเท่าเดิมหรือน้อยลง เห็นไหม อินเทิร์นลาออก พยาบาลลาออก"

 

ทางออกระยะกลาง - ทบทวนงบประมาณจริง

 

การศึกษาต้นทุนที่แท้จริง

ระยะกลางคือ ท่านจะต้องไปดูงบประมาณจริงของคนไข้จริงว่าใช้เท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่ตัวเลข 8,350 บาทหรอก อย่ามาทะเลาะกันในตัวเลขประมาณนี้ 

 

"อัตรา 8,350 บาทต่อคนต่อปีที่ใช้อยู่ปัจจุบันนั้นไม่สะท้อนต้นทุนจริง "8,350 บาทมันใช้มากี่ปีแล้ว ค่ารักษาพยาบาลไม่มีเงินเฟ้อขึ้นไปมากมาย อาจจะไม่ใช่ 13,000 บาท ด้วย เพราะมันมีตัวเลขที่เขาบอกว่าต้นทุนจริงคือ 1.3 หมื่นบาท อาจจะไม่ใช่แล้ว อาจจะเพิ่มขึ้นไป แต่ถ้าท่านจ่ายเขาแค่ 8,350 หรือในควอร์เตอร์ท้ายๆ ท่านจ่ายน้อยกว่านั้นด้วย มันไม่สะท้อนต้นทุนจริง"

 

การปรับอัตราชดเชยให้เหมาะสม

ท่านต้องศึกษาต้นทุนจริง และหาเงินมาให้เพียงพอในการที่จะใช้ อันนี้คือการแก้ปัญหาระยะกลาง ต้องทำให้ได้ เพราะการปรับอัตราชดเชยให้สะท้อนต้นทุนจริงจะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถให้บริการได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องใช้เงินบำรุงมาอุดช่องว่าง

 

ทางออกระยะยาว - ปฏิรูปโครงสร้างระบบ

 

การแก้ปัญหาระยะยาวก็คือ ต้องหางบประมาณที่เพียงพอ และอาจจะต้องแก้พระราชบัญญัติ เพราะว่าวันนี้ใช้มาตั้ง 20 กว่าปีแล้ว กฎหมายและระเบียบที่ใช้อยู่ปัจจุบันอาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

 

นอกจากนี้ประเด็นที่ละเอียดอ่อนแต่สำคัญคือการทบทวนบทบาทของหน่วยงานกลางต่างๆยังมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน

 

"รัฐบาลปกครองโรงพยาบาล โรงพยาบาลให้บริการประชาชน ตอนนี้ท่านบายพาสไปที่พ่อค้าคนกลางคนหนึ่ง รัฐบาลเอาเงินไปให้คนนี้ แล้วคนนี้มาจ่ายให้โรงพยาบาล มันจะมีความจำเป็นไหม การที่โยนภารกิจมาให้ตรงนี้ ก็ใช้งบประมาณพอสมควร คนเท่าไหร่ งบประมาณในการประชุม เงินเดือนต่างๆ มากมาย ขนาดไหน จำเป็นรึเปล่าที่ต้องมีหน่วยงานกลาง ผมไม่ได้เสนอให้ยุบหน่วยงานเหล่านี้ทั้งหมด แต่เสนอให้มีการศึกษาอย่างรอบคอบ ตรงนี้ผมไม่ได้บอกไม่จำเป็น ต้องบอกก่อน อาจจะจำเป็นก็ได้ แต่อาจจะต้องมีการศึกษา"

 

สถานการณ์ในอีก 3 ปีหากไม่แก้ไข?

 

"ถ้าไม่แก้ ผมว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ เพราะเงินบำรุงของโรงพยาบาลมันหมด เมื่อมันหมด หมอจะมีความเดือดร้อนในการรักษาคนไข้ โรงพยาบาลที่ไม่สามารถสั่งยาได้เพราะติดหนี้ ไม่สามารถซื้ออุปกรณ์การแพทย์ได้ และไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้บุคลากรได้

 

เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน "โรงพยาบาลรับเงินส่วนหนึ่งมา สมมติว่ารับมา 100 บาทในการวินิจฉัยรักษา ซื้อยาต่างๆ ปรากฏว่าโรงพยาบาลติดหนี้ค่ายา โรงพยาบาลขาดทุน โรงพยาบาลจะไปสั่งยา บริษัทยาเขาไม่ให้ เขาไม่ปล่อยมาแล้ว เพราะคุณติดหนี้เขาอยู่ คุณมีเครดิตไม่ดี"

 

3 ปี อาจฟังดูยาวนาน แต่ในโลกของการบริหารระบบสาธารณสุขที่ซับซ้อน 3 ปีนั้นสั้นมาก หากไม่เริ่มแก้ปัญหาตั้งแต่วันนี้ การที่หมอวีเตือนว่า "ระบบสาธารณสุขจะพัง" อาจกลายเป็นความจริงที่เราไม่อยากเห็น