ค้าน "ปลดล็อคขายเหล้าวันพระใหญ่" เผยผลสำรวจ 61% ไม่เห็นด้วย

09 พ.ค. 2568 | 21:56 น.

"เครือข่ายงดเหล้า" เผยประชาชน 61% คัดค้านขายเหล้าวันพระใหญ่ นักวิชาการชี้ 62.3% ต้องการคงมาตรการเดิม แต่รัฐบาลยืนยันแก้กฎหมายเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว เมินเสียงประชาชน

นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งดำเนินการโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประชาชนไม่เห็นด้วยถึง 61% กับการยกเว้นให้ขายแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ในสถานที่ 4 ประเภท

 

นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

 

ตามร่างประกาศฯ ที่เสนอ จะมีการยกเว้นให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ได้ใน 4 สถานที่ คือ

  1. สถานบริการ ผับบาร์
  2. สถานประกอบการคล้ายสถานบริการเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวที่กำหนด
  3. โรงแรม
  4. พื้นที่จัดงานระดับชาติและท่าอากาศยานนานาชาติ

โดยยังคงห้ามขายในร้านชำ ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า ซึ่งรัฐบาลให้เหตุผลว่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

 

นายธีระระบุประเด็นที่น่ากังวล คือ

 

1.ร้านผับบาร์วันพระใหญ่ปกติเขาก็ปิดร้านให้คนทำงานพักวันหยุดและวันสำคัญทางศาสนาอยู่แล้ว แต่รัฐบาลส่งสัญญาณว่าไม่ต้องหยุด

 

2. นิยาม "สถานที่คล้ายสถานบริการ" และ "สถานที่ท่องเที่ยว" ยังไม่ชัดเจน

 

3. ไม่แน่ชัดว่าจะยังคงต้องขายตามเวลาที่กำหนด (11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.) หรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการควบคุมเวลา อาจหมายถึงการขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงในวันพระใหญ่

"เหตุผลที่คนคัดค้านจากรายงาน คือสุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา การควบคุมห้ามขายในวันเวลาสถานที่บุคคล เป็นเครื่องมือที่จะลดการเข้าถึงความง่ายทุกที่ทุกเวลา เพื่อลดแรงกระตุ้น เมื่อรัฐบาลเน้นผ่อนคลายเพื่อการท่องเที่ยว ย่อนหย่อนยาน และที่สุดมาตรการที่มีก็ไม่ได้ผล ส่งผลกระทบก็จะเพิ่มมากขึ้น" นายธีระกล่าว

 

รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา

 

ด้าน รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา เปิดเผยผลการศึกษาพบว่า ประชาชน 62.3% เห็นด้วยกับการคงไว้ซึ่งมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ แม้ว่า 68.5% ของประชาชนทราบว่าประเทศไทยมีพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่มีเพียง 26.8% ที่ทราบว่าขณะนี้กำลังมีการเสนอปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว

 

"หวังว่าผลการศึกษานี้จะสามารถเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดนโยบายสาธารณะให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน" รศ.ดร.นพ.พลเทพ กล่าวทิ้งท้าย